2. เหตุใดพระเจ้าจึงได้รับการเรียกขานด้วยพระนามที่ต่างกันในยุคที่ต่างกัน?

พระวจนะของพระเจ้าที่เกี่ยวข้อง

ในแต่ละยุค พระเจ้าทรงพระราชกิจใหม่และมีพระนามใหม่ พระองค์จะทำพระราชกิจเดียวกันในยุคที่แตกต่างกันได้อย่างไร?  พระองค์จะทรงยึดติดอยู่กับสิ่งเดิมได้อย่างไร?  พระนามของพระเยซูนั้นใช้ทำพระราชกิจแห่งการไถ่ ดังนั้นพระองค์จะยังคงใช้พระนามเดียวกันเมื่อพระองค์เสด็จกลับมาในยุคสุดท้ายหรือ?  พระองค์จะยังทรงพระราชกิจแห่งการไถ่อยู่อีกหรือ?  เหตุใดจึงเป็นว่าพระยาห์เวห์กับพระเยซูคือหนึ่งเดียวกัน ทว่าทั้งสององค์กลับมีพระนามที่ต่างกันในยุคที่ต่างกัน?  มิใช่เพราะว่ายุคแห่งพระราชกิจของทั้งสององค์นั้นแตกต่างกันหรอกหรือ?  ชื่อเพียงชื่อเดียวสามารถเป็นตัวแทนพระเจ้าได้อย่างครบถ้วนบริบูรณ์หรือ?  เมื่อเป็นเช่นนี้ พระเจ้าจึงต้องมีพระนามที่ต่างกันในยุคที่ต่างออกไป และพระองค์ต้องใช้พระนามนั้นๆ มาเปลี่ยนแปลงยุคและเป็นตัวแทนยุคนั้น  เพราะชื่อเพียงชื่อเดียวไม่สามารถแทนพระเจ้าพระองค์เองได้อย่างเต็มเปี่ยม และแต่ละชื่อสามารถเป็นตัวแทนพระอุปนิสัยของพระเจ้าในยุคหนึ่งๆ ได้เฉพาะในแง่มุมที่เกี่ยวกับยุคเท่านั้น ทั้งหมดที่ชื่อหนึ่งต้องทำก็คือเป็นตัวแทนพระราชกิจของพระองค์  ดังนั้นพระเจ้าจึงสามารถเลือกพระนามใดก็ได้ที่เหมาะสมกับพระอุปนิสัยของพระองค์เพื่อเป็นตัวแทนยุคนั้นทั้งยุค

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, นิมิตแห่งพระราชกิจของพระเจ้า (3)

“พระยาห์เวห์” คือชื่อที่เราใช้ในช่วงระหว่างงานของเราในอิสราเอล และหมายถึงพระเจ้าของคนอิสราเอล (ประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรร) ที่สามารถเวทนามนุษย์ สาปแช่งมนุษย์ และนำทางชีวิตของมนุษย์ พระเจ้าผู้ทรงครองมหาฤทธานุภาพและเปี่ยมไปด้วยพระปรีชาญาณ “พระเยซู” คือ อิมมานูเอล ซึ่งหมายถึงเครื่องบูชาลบล้างบาปอันเปี่ยมไปด้วยความรัก เปี่ยมไปด้วยความสงสาร และไถ่บาปให้มนุษย์ พระองค์ได้ทรงปฏิบัติพระราชกิจของยุคพระคุณ และพระองค์ทรงเป็นตัวแทนยุคพระคุณ และสามารถเป็นตัวแทนได้เพียงหนึ่งส่วนของพระราชกิจของแผนการบริหารจัดการเท่านั้น กล่าวคือ พระยาห์เวห์เท่านั้นที่ทรงเป็นพระเจ้าของประชากรแห่งอิสราเอลผู้ได้รับการเลือกสรร พระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค พระเจ้าของยาโคบ พระเจ้าของโมเสส และพระเจ้าของประชาชนทั้งหมดของประเทศอิสราเอล และดังนั้น ในยุคปัจจุบัน คนอิสราเอลทุกคน นอกเหนือจากผู้คนชาวยิว จึงนมัสการพระยาห์เวห์ พวกเขาทำเครื่องถวายแด่พระองค์บนแท่นบูชาและรับใช้พระองค์ในวิหารโดยสวมเสื้อคลุมของพวกปุโรหิตทั้งหลาย สิ่งที่พวกเขาหวังก็คือการทรงปรากฏใหม่ของพระยาห์เวห์ พระเยซูเท่านั้นคือพระผู้ไถ่ของมวลมนุษย์ และพระองค์ทรงเป็นเครื่องบูชาลบล้างบาปที่ได้ไถ่มวลมนุษย์ให้พ้นจากบาป กล่าวคือ พระนามของพระเยซูมาจากยุคพระคุณและได้มาดำรงอยู่เพราะพระราชกิจแห่งการไถ่ในยุคพระคุณ พระนามของพระเยซูได้มาดำรงอยู่เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้คนของยุคพระคุณได้เกิดใหม่และได้รับการช่วยให้รอด และเป็นพระนามเฉพาะสำหรับการไถ่มวลมนุษย์ทั้งปวง ด้วยเหตุนี้ พระนามของพระเยซูจึงเป็นตัวแทนพระราชกิจแห่งการไถ่ และบ่งบอกถึงยุคพระคุณ พระนามพระยาห์เวห์เป็นชื่อเฉพาะสำหรับประชาชนอิสราเอลที่ได้ใช้ชีวิตภายใต้ธรรมบัญญัติ ในแต่ละยุคและแต่ละช่วงระยะในงานของเรา ชื่อของเรานั้นใช่ว่าไม่มีพื้นฐานที่มา แต่ถือครองนัยสำคัญเชิงตัวแทน กล่าวคือ แต่ละชื่อเป็นตัวแทนหนึ่งยุค “พระยาห์เวห์” ทรงเป็นตัวแทนยุคธรรมบัญญัติ และเป็นพระนามซึ่งแสดงการถวายพระเกียรติซึ่งประชาชนอิสราเอลใช้เรียกพระเจ้าผู้ที่พวกเขานมัสการ  “พระเยซู” ทรงเป็นตัวแทนยุคพระคุณ และเป็นพระนามของพระเจ้าของทุกคนที่ได้รับการไถ่ในช่วงระหว่างยุคพระคุณ หากมนุษย์ยังคงถวิลหาการเสด็จมาถึงของพระเยซูพระผู้ช่วยให้รอดในช่วงระหว่างยุคสุดท้าย และยังคงคาดหวังว่าพระองค์จะเสด็จมาถึงในพระฉายาที่พระองค์ทรงใช้ในแคว้นยูเดีย เช่นนั้นแล้วแผนการบริหารจัดการสำหรับหกพันปีทั้งหมดทั้งสิ้นก็คงจะหยุดลงไปแล้วในยุคแห่งการไถ่ และคงไม่อาจคืบหน้าไปได้มากกว่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ยุคสุดท้ายจะไม่มีวันมาถึง และยุคนั้นจะไม่มีวันถูกนำพาไปถึงบทอวสาน นี่เป็นเพราะพระเยซูพระผู้ช่วยให้รอดทรงดำรงอยู่เพื่อการไถ่และความรอดของมวลมนุษย์เท่านั้น เราได้ใช้ชื่อพระเยซูเพียงเพื่อประโยชน์ของคนบาปทั้งหมดในยุคพระคุณเท่านั้น แต่ไม่ใช่ชื่อที่เราจะใช้เพื่อนำพามวลมนุษย์ทั้งปวงไปสู่บทอวสาน แม้ว่าพระยาห์เวห์ พระเยซู และพระเมสสิยาห์ล้วนแล้วแต่เป็นตัวแทนวิญญาณของเราทั้งสิ้น แต่ชื่อเหล่านี้ก็แค่แสดงถึงยุคที่แตกต่างกันของแผนการบริหารจัดการของเราเท่านั้น และไม่ได้เป็นตัวแทนเราในความครบถ้วนทั้งมวลของเรา ชื่อต่างๆ ซึ่งผู้คนบนแผ่นดินโลกใช้เรียกขานเราไม่สามารถแสดงชัดถึงอุปนิสัยครบถ้วนทั้งมวลของเราและทุกอย่างที่เราเป็นได้ ชื่อเหล่านั้นเป็นเพียงชื่อต่างๆ ซึ่งผู้คนใช้เรียกขานเราระหว่างยุคที่ต่างกันเท่านั้น และดังนั้น เมื่อยุคสุดท้าย—ยุคแห่งวันสุดท้าย—มาถึง ชื่อของเราก็จะเปลี่ยนอีกครั้ง เราจะไม่ถูกเรียกว่าพระยาห์เวห์ หรือพระเยซู นับประสาอะไรที่จะเรียกว่าพระเมสสิยาห์—เราจะถูกเรียกว่าพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ผู้ทรงฤทธานุภาพพระองค์เอง และภายใต้ชื่อนี้เราจะนำยุคทั้งยุคไปสู่บทอวสาน

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระผู้ช่วยให้รอดได้เสด็จกลับมาบน “เมฆขาว” แล้ว

ครั้งหนึ่งเราเคยเป็นที่รู้จักในนามพระยาห์เวห์ เรายังเคยถูกเรียกว่าพระเมสสิยาห์เช่นกัน และครั้งหนึ่งผู้คนเรียกเราว่าพระเยซูพระผู้ช่วยให้รอดด้วยความรักและความเคารพยกย่อง อย่างไรก็ดี ณ วันนี้ เราไม่ใช่พระยาห์เวห์หรือพระเยซูซึ่งผู้คนได้รู้จักในช่วงเวลาที่ผ่านมาอีกต่อไป เราคือพระเจ้าผู้ที่ได้กลับมาในยุคสุดท้าย พระเจ้าผู้ที่จะนำพายุคนี้ไปสู่บทอวสาน เราคือพระเจ้าพระองค์เองซึ่งลุกขึ้นมาจากสุดปลายแผ่นดินโลก สมบูรณ์พร้อมด้วยอุปนิสัยอันครบถ้วนทั้งมวลของเรา และเต็มเปี่ยมไปด้วยสิทธิอำนาจ เกียรติ และสง่าราศี ผู้คนไม่เคยเข้ามาร่วมสัมพันธ์กับเรา ไม่เคยได้รู้จักเรา และไม่รู้เท่าทันในอุปนิสัยของเราตลอดเวลา ตั้งแต่การสร้างโลกจนกระทั่งวันนี้ ไม่มีบุคคลสักคนเดียวที่เคยเห็นเรา นี่คือพระเจ้าผู้ที่ทรงปรากฏต่อมนุษย์ในยุคสุดท้ายแต่ได้ทรงถูกซ่อนไว้ท่ามกลางมนุษย์ พระองค์ทรงอาศัยอยู่ท่ามกลางมนุษย์ ทรงเที่ยงแท้และเป็นจริง ดุจดวงสุรีย์ที่แผดเผาและเปลวเพลิงที่ลุกโชน ทรงเปี่ยมด้วยฤทธานุภาพและปริ่มล้นด้วยสิทธิอำนาจ ไม่มีแม้แต่คนเดียวหรือสิ่งเดียวที่จะไม่ถูกพิพากษาโดยวจนะของเรา และไม่มีแม้แต่คนเดียวหรือสิ่งเดียวที่จะไม่ถูกชำระให้บริสุทธิ์ผ่านทางการแผดเผาของไฟ ในท้ายที่สุด ชนชาติทั้งมวลจะได้รับการอวยพรเพราะวจนะของเรา และจะถูกทุบจนแหลกเป็นชิ้นๆ เพราะวจนะของเราเช่นกัน ด้วยวิธีนี้ ผู้คนทั้งหมดในช่วงระหว่างยุคสุดท้ายจะเห็นว่าเราคือพระผู้ช่วยให้รอดที่ได้กลับมา และเห็นว่าเราคือพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ซึ่งพิชิตมวลมนุษย์ทั้งปวง และทุกคนจะเห็นว่าครั้งหนึ่งเราคือเครื่องบูชาลบล้างบาปสำหรับมนุษย์ แต่เห็นว่าในยุคสุดท้ายเรายังได้กลายเป็นเปลวเพลิงแห่งสุริยันซึ่งเผาผลาญทุกสรรพสิ่งให้เป็นจุณเช่นเดียวกับองค์ตะวันแห่งความชอบธรรมซึ่งเปิดเผยทุกสรรพสิ่งด้วย นี่คืองานของเราในยุคสุดท้าย เราใช้ชื่อนี้และครองอุปนิสัยนี้เพื่อที่ผู้คนทั้งหมดจะได้เห็นว่าเราคือพระเจ้าที่ชอบธรรม ดวงสุรีย์ที่แผดเผา เปลวเพลิงที่ลุกโชน และเพื่อที่ทุกคนจะได้นมัสการเรา พระเจ้าเที่ยงแท้หนึ่งเดียว และเพื่อที่พวกเขาจะได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเรา เราไม่ใช่เพียงแค่พระเจ้าของคนอิสราเอลเท่านั้น และเราไม่ใช่เพียงพระผู้ไถ่ เราคือพระเจ้าของสิ่งทรงสร้างทั้งมวลทั่วทั้งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกและห้วงทะเล

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, พระผู้ช่วยให้รอดได้เสด็จกลับมาบน “เมฆขาว” แล้ว

บางคนพูดว่าพระนามของพระเจ้านั้นไม่เปลี่ยน  ถ้าเช่นนั้นแล้ว ทำไมพระนามของพระยาห์เวห์จึงได้กลายเป็นพระเยซูเล่า?  ได้มีการพยากรณ์ไว้ว่าพระเมสสิยาห์จะเสด็จมา แล้วเหตุใดชายคนที่มาจึงชื่อพระเยซู?  เหตุใดพระนามของพระเจ้าจึงเปลี่ยนพระราชกิจดังกล่าวไม่ได้ถูกดำเนินการนานมาแล้วหรอกหรือ?  ขอพระเจ้าทรงโปรดไม่ปฏิบัติพระราชกิจซึ่งใหม่กว่าในวันนี้เลย?  พระราชกิจแห่งวันวานสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และพระราชกิจของพระเยซูสามารถเกิดขึ้นตามหลังพระราชกิจของพระยาห์เวห์ได้  เช่นนั้นแล้ว พระราชกิจอื่นๆ ไม่สามารถเกิดขึ้นต่อจากพระราชกิจของพระเยซูเชียวหรือ?  หากพระนามของพระยาห์เวห์สามารถเปลี่ยนเป็นพระเยซู แล้วพระนามของพระเยซูจะไม่สามารถเปลี่ยนได้เช่นกันหรือ?  ไม่มีอะไรในเรื่องนี้ที่แปลกประหลาดเลย เป็นเพียงแค่ว่าผู้คนนั้นด้อยปัญญาเกินไป  พระเจ้าจะทรงเป็นพระเจ้าเสมอ  ไม่สำคัญว่าพระราชกิจของพระองค์จะเปลี่ยนไปเช่นใด และไม่คำนึงถึงว่าพระนามของพระองค์อาจเปลี่ยนไปเช่นใด พระอุปนิสัยและพระปรีชาญาณของพระองค์จะไม่มีวันเปลี่ยน  หากเจ้าเชื่อว่าพระเจ้าทรงได้รับการเรียกขานได้ว่าพระเยซูเท่านั้น เช่นนั้นแล้วความรู้ของเจ้าก็ย่อมถูกจำกัดมากเกินไปแล้ว  เจ้ากล้ายืนยันหรือไม่ว่า พระเยซูจะทรงเป็นพระนามของพระเจ้าตลอดกาล ว่าพระเจ้าจะทรงใช้พระนามของพระเยซูตลอดกาลและเสมอไป และว่านี่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง?  เจ้ากล้ายืนยันด้วยความแน่ใจหรือไม่ว่า พระนามของพระเยซูนั่นเองที่ได้ทำการยุติยุคธรรมบัญญัติและจะทำการยุติยุคสุดท้ายเช่นกัน?  ใครจะสามารถพูดได้ว่าพระคุณของพระเยซูสามารถนำพายุคนี้ไปสู่จุดจบได้?

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, มนุษย์ผู้ที่ได้จำกัดเขตพระเจ้าไว้ในมโนคติที่หลงผิดของเขาสามารถได้รับวิวรณ์ของพระเจ้าได้อย่างไร?

สมมุติว่าพระราชกิจของพระเจ้าในทุกยุคเป็นแบบเดียวกันเสมอ และพระองค์ใช้พระนามเดียวกันอยู่เสมอ มนุษย์จะรู้จักพระองค์ได้อย่างไร?  พระเจ้าต้องมีพระนามว่ายาห์เวห์ และนอกเหนือจากพระเจ้าที่เรียกว่าพระยาห์เวห์แล้ว ผู้ที่ถูกเรียกด้วยชื่ออื่นย่อมไม่ใช่พระเจ้า  หรือมิฉะนั้นพระเจ้าก็จะเป็นได้แต่พระเยซูเท่านั้น และนอกเหนือจากพระนามว่าเยซูแล้ว พระองค์ไม่อาจมีพระนามอื่นได้ นอกเหนือจากพระเยซูแล้ว พระยาห์เวห์ก็ไม่ใช่พระเจ้า และพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ก็ไม่ใช่พระเจ้าเช่นกัน  มนุษย์เชื่อว่า พระเจ้าทรงมหิทธิฤทธิ์จริง แต่พระเจ้าคือพระเจ้าที่อยู่กับมนุษย์ และพระองค์ต้องมีพระนามว่าเยซู เพราะพระเจ้าทรงอยู่กับมนุษย์  การทำแบบนี้คือการคล้อยตามคำสอน และการจำกัดพระเจ้าไว้ในวงเขตหนึ่งๆ  ดังนั้นพระราชกิจที่พระเจ้าทำ พระนามที่พระเจ้ามี และพระฉายาที่พระองค์ใช้ในทุกยุค—พระราชกิจที่พระองค์ทำในทุกช่วงระยะเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้—ทั้งหมดนี้มิได้เป็นไปตามกฎระเบียบอันใด และมิได้อยู่ภายใต้ขีดจำกัดใดๆ  พระองค์คือพระยาห์เวห์ แต่พระองค์ก็คือพระเยซู รวมถึงพระเมสสิยาห์ และพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ด้วย  พระราชกิจของพระองค์สามารถก้าวผ่านการแปลงสภาพทีละน้อย ด้วยการเปลี่ยนพระนามของพระองค์ให้สอดคล้องกัน  ชื่อเดียวไม่สามารถเป็นตัวแทนของพระองค์ได้อย่างครบถ้วน แต่พระนามทั้งหมดที่ใช้เรียกขานพระองค์นั้นสามารถเป็นตัวแทนของพระองค์ได้  และพระราชกิจที่พระองค์ทำในทุกยุคคือตัวแทนพระอุปนิสัยของพระองค์

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, นิมิตแห่งพระราชกิจของพระเจ้า (3)

พระราชกิจที่พระเยซูทำเป็นตัวแทนพระนามของพระเยซู และเป็นตัวแทนยุคพระคุณ ส่วนพระราชกิจที่พระยาห์เวห์ทำก็เป็นตัวแทนของพระยาห์เวห์ และเป็นตัวแทนยุคธรรมบัญญัติ  พระราชกิจของทั้งสองพระองค์คือพระราชกิจของพระวิญญาณหนึ่งเดียวในสองยุคที่แตกต่างกัน…ถึงแม้ว่าทั้งสองพระองค์มีสองพระนามที่แตกต่างกัน แต่ก็เป็นพระวิญญาณหนึ่งเดียวกันที่ทำให้พระราชกิจทั้งสองช่วงระยะสำเร็จลุล่วงไป และพระราชกิจที่ทำไปนั้นก็ดำเนินต่อเนื่องกัน  เมื่อพระนามแตกต่างกัน และเนื้อหาของพระราชกิจแตกต่างกัน ยุคจึงแตกต่างกัน  เมื่อพระยาห์เวห์เสด็จมา นั่นคือยุคของพระยาห์เวห์ และเมื่อพระเยซูเสด็จมา นั่นก็คือยุคของพระเยซู  และดังนั้น ด้วยการเสด็จมาแต่ละครั้ง พระเจ้าจึงใช้พระนามหนึ่ง พระองค์ทรงแทนยุคหนึ่ง และพระองค์ทรงเปิดตัวเส้นทางใหม่ และในเส้นทางใหม่แต่ละเส้นทางนั้น พระองค์ก็ใช้พระนามใหม่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงใหม่อยู่เสมอและไม่มีวันเก่า และแสดงให้เห็นว่าพระราชกิจของพระองค์ไม่มีวันหยุดเคลื่อนไปในทิศทางข้างหน้า  ประวัติศาสตร์เคลื่อนไปข้างหน้าอยู่เสมอ และพระราชกิจของพระเจ้าก็เคลื่อนไปข้างหน้าเสมอ  แผนการบริหารจัดการหกพันปีของพระองค์ต้องก้าวหน้าต่อไปในทิศทางข้างหน้าเพื่อให้บรรลุถึงปลายทาง  แต่ละวันพระองค์ต้องทรงพระราชกิจใหม่ แต่ละปีพระองค์ต้องทรงพระราชกิจใหม่ พระองค์ต้องทรงเปิดตัวเส้นทางใหม่ เปิดตัวยุคใหม่ เริ่มต้นพระราชกิจใหม่ที่ยิ่งใหญ่ขึ้น และนำพระนามใหม่และพระราชกิจใหม่มาพร้อมกับสิ่งเหล่านี้

—พระวจนะฯ เล่ม 1 การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า, นิมิตแห่งพระราชกิจของพระเจ้า (3)

ก่อนหน้า:  1. เหตุใดพระเจ้าจึงทรงมีพระนาม และพระนามหนึ่งเดียวจะสามารถเป็นตัวแทนของความครบถ้วนทั้งมวลแห่งพระเจ้าได้หรือไม่?

ถัดไป:  1. พระราชกิจแห่งการบริหารจัดการมวลมนุษย์คืออะไร?

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 6) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 7) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 8) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 9) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

Connect with us on Messenger