ว่าด้วยการปฏิบัติการอธิษฐาน

เจ้าไม่ได้ให้ความสำคัญต่อการอธิษฐานในชีวิตประจำวันของพวกเจ้า  มนุษย์ละเลยในเรื่องของการอธิษฐาน  คำอธิษฐานเคยเป็นแบบขอไปที โดยมนุษย์แค่ทำไปอย่างพอเป็นพิธีเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าเท่านั้น  ไม่มีมนุษย์ผู้ใดถวายหัวใจของเขาอย่างเต็มเปี่ยมเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าและเข้าร่วมในการอธิษฐานที่แท้จริงกับพระเจ้า  มนุษย์อธิษฐานต่อพระเจ้าก็ต่อเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นเท่านั้น  ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ เจ้าเคยอธิษฐานต่อพระเจ้าอย่างแท้จริงหรือไม่?  เคยมีห้วงเวลาที่เจ้าหลั่งรินน้ำตาแห่งความเจ็บปวดเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าหรือไม่?  เคยมีห้วงเวลาที่เจ้าได้มารู้จักตนเองเฉพาะพระพักตร์พระองค์ไหม?  เจ้าเคยทำการอธิษฐานด้วยหัวใจต่อหัวใจกับพระเจ้าไหม?  คำอธิษฐานมาได้ด้วยการหมั่นปฏิบัติ กล่าวคือ หากเจ้าไม่ได้อธิษฐานที่บ้านตามปกติแล้ว เจ้าก็จะไม่มีทางอธิษฐานในคริสตจักรได้ และหากโดยปกติแล้ว เจ้าไม่ได้อธิษฐานในกลุ่มเล็กๆ เจ้าก็จะไม่สามารถอธิษฐานในกลุ่มใหญ่ๆ ได้  หากเจ้าไม่เข้าใกล้พระเจ้าหรือตรึกตรองพระวจนะของพระเจ้าเป็นประจำแล้ว เจ้าก็จะไม่มีอะไรจะกล่าวเมื่อถึงเวลาที่จะต้องอธิษฐาน และแม้เจ้าจะอธิษฐานจริงๆ ก็ตาม เจ้าก็จะเพียงแค่ขยับปากปาวๆ ไปเท่านั้น มันจะไม่ใช่การอธิษฐานที่แท้จริง

การอธิษฐานที่แท้จริงคืออะไร  การอธิษฐานที่แท้จริงคือการทูลพระเจ้าว่าอะไรอยู่ในหัวใจของเจ้า คือการสามัคคีธรรมกับพระเจ้าพร้อมกับทำความเข้าใจเจตนารมณ์ของพระองค์ คือการสามัคคีธรรมกับพระเจ้าผ่านทางพระวจนะของพระองค์ คือการรู้สึกใกล้ชิดกับพระเจ้าเป็นพิเศษ คือการสำนึกรับรู้ว่าพระองค์ประทับอยู่ ณ ที่นั้นตรงหน้าเจ้า และคือการเชื่อว่าเจ้ามีบางสิ่งต้องทูลพระองค์  หัวใจของเจ้ารู้สึกว่าถูกเติมเต็มด้วยแสงสว่าง และเจ้ารู้สึกว่าพระเจ้าทรงน่ารักน่าชื่นชอบเพียงใด  เจ้ารู้สึกว่าได้รับการดลใจเป็นพิเศษ และการได้ฟังเจ้าพูดก็นำความปลาบปลื้มมาสู่บรรดาพี่น้องชายหญิงของเจ้า  พวกเขาจะรู้สึกว่าถ้อยคำที่เจ้ากล่าวนั้นเป็นถ้อยคำที่อยู่ภายในหัวใจของพวกเขา เป็นถ้อยคำที่พวกเขาปรารถนาจะกล่าว ราวกับว่าถ้อยคำของเจ้านั้นเป็นตัวแทนถ้อยคำของพวกเขาเอง  นี่คือสิ่งที่การอธิษฐานที่แท้จริงเป็น  หลังจากที่เจ้าเข้าร่วมการอธิษฐานที่แท้จริงแล้ว หัวใจของเจ้าจะพบสันติสุขและจะได้รู้จักกับความปลาบปลื้ม  พลังที่จะรักพระเจ้าสามารถเพิ่มขึ้น และเจ้าจะรู้สึกว่าไม่มีสิ่งใดที่มีคุณค่าหรือนัยสำคัญใดในชีวิตยิ่งใหญ่กว่าการรักพระเจ้า  ทั้งหมดนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าการอธิษฐานของเจ้ามีประสิทธิผล  เจ้าเคยอธิษฐานด้วยวิธีดังกล่าวบ้างไหม?

แล้วเนื้อหาของการอธิษฐานล่ะ  การอธิษฐานของเจ้าควรดำเนินไปทีละขั้น เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะที่แท้จริงของหัวใจของเจ้าและพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์  เจ้ามาเข้าสนิทกับพระเจ้าตามเจตนารมณ์ของพระองค์และตามที่พระองค์ทรงพึงประสงค์จากมนุษย์  เมื่อเจ้าเริ่มลงมืออธิษฐาน ก่อนอื่นจงมอบหัวใจของเจ้าให้พระเจ้า  จงอย่าพยายามทำความเข้าใจเจตนารมณ์ของพระเจ้า—แค่พยายามกล่าวถ้อยคำในหัวใจของเจ้าต่อพระเจ้าเท่านั้น  เมื่อเจ้ามาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า จงกล่าวด้วยถ้อยคำดังนี้ว่า “โอ พระเจ้า ข้าพระองค์เพิ่งตระหนักวันนี้เองว่าข้าพระองค์เคยกบฏต่อพระองค์  ข้าพระองค์เสื่อมทรามและน่ารังเกียจจริงๆ  ข้าพระองค์เพียงใช้ชีวิตไปอย่างไร้ประโยชน์  นับแต่วันนี้ ข้าพระองค์จะมีชีวิตเพื่อพระองค์  ข้าพระองค์จะใช้ชีวิตที่มีความหมายและจะสนองเจตนารมณ์ของพระองค์ ขอให้พระวิญญาณของพระองค์ทรงพระราชกิจในตัวข้าพระองค์ตลอดเวลา และให้ความกระจ่างและให้ความรู้แจ้งแก่ข้าพระองค์อย่างต่อเนื่อง  ขอข้าพระองค์กล่าวคำพยานที่แข็งขันและดังกึกก้องเฉพาะพระพักตร์พระองค์  ขอให้ซาตานได้เห็นพระสิริของพระองค์ ให้สักขีพยานของพระองค์และบทพิสูจน์แห่งชัยชนะของพระองค์ปรากฏในตัวพวกเรา”  เมื่อเจ้าอธิษฐานเช่นนี้ หัวใจของเจ้าจะถูกปลดปล่อยเป็นอิสระอย่างครบบริบูรณ์  เมื่อได้อธิษฐานเช่นนี้ หัวใจของเจ้าจะยิ่งใกล้ชิดพระเจ้า และหากเจ้าสามารถอธิษฐานเช่นนี้บ่อยครั้ง พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะทรงพระราชกิจในตัวเจ้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  หากเจ้าร้องเรียกพระเจ้าเช่นนี้เสมอๆ และสร้างปณิธานของเจ้าเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า สักวันหนึ่งก็จะถึงวันที่ปณิธานของเจ้าเป็นที่ยอมรับเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ครั้นหัวใจของเจ้าและการดำรงอยู่ทั้งหมดทั้งมวลของเจ้าได้ถูกรับไว้โดยพระเจ้าแล้ว เจ้าก็ได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระองค์ในท้ายที่สุด  สำหรับพวกเจ้า การอธิษฐานมีความสำคัญสูงสุด  เมื่อเจ้าอธิษฐานและเจ้าได้รับพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ หัวใจของเจ้าจะถูกขับเคลื่อนโดยพระเจ้า และพละกำลังที่จะรักพระเจ้าก็จะปรากฏออกมา  หากเจ้าไม่อธิษฐานด้วยหัวใจของเจ้า หากเจ้าไม่เปิดหัวใจของเจ้าเพื่อเข้าสนิทกับพระเจ้าแล้ว พระเจ้าก็จะไม่มีหนทางสำหรับการทรงพระราชกิจในตัวเจ้า  หากหลังจากได้อธิษฐานและกล่าวถ้อยคำจากหัวใจของเจ้าแล้ว พระวิญญาณของพระเจ้ายังไม่เริ่มพระราชกิจของพระองค์ และเจ้าไม่ได้รับแรงดลใจอะไรเลย เช่นนั้นแล้วนี่แสดงว่าหัวใจของเจ้าขาดความจริงใจ ถ้อยคำของเจ้าไม่เป็นจริงและยังคงไม่บริสุทธิ์  หากหลังจากอธิษฐานแล้ว เจ้ามีสำนึกรับรู้ถึงความปลาบปลื้ม เช่นนั้นแล้วการอธิษฐานของเจ้าก็ได้รับการยอมรับจากพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้ากำลังทรงพระราชกิจในตัวเจ้า  ในฐานะผู้ที่รับใช้เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า เจ้ามิอาจปราศจากการอธิษฐาน  หากเจ้ามองเห็นอย่างแท้จริงว่า การเข้าสนิทกับพระเจ้าเป็นสิ่งที่มีความหมายและมีคุณค่าแล้ว เจ้าจะสามารถละทิ้งการอธิษฐานได้หรือ?  ไม่มีใครสามารถอยู่โดยปราศจากการเข้าสนิทกับพระเจ้า  หากปราศจากการอธิษฐาน เจ้าจะมีชีวิตอยู่ในเนื้อหนัง ในพันธนาการของซาตาน หากปราศจากการอธิษฐานที่แท้จริง เจ้าจะมีชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลของความมืด  เราหวังว่าบรรดาพี่น้องชายหญิงของเจ้าจะสามารถเข้าร่วมการอธิษฐานที่แท้จริงในทุกๆ วัน  นี่ไม่ได้เกี่ยวกับการทำตามกฎเกณฑ์ต่างๆ แต่เกี่ยวกับการสัมฤทธิ์ผลลัพธ์ อย่างหนึ่งอย่างใด  เจ้าเต็มใจที่จะสละการนอนหลับและความชื่นชมยินดีเล็กน้อย เพื่อลุกขึ้นแต่เช้าตรู่เพื่อการอธิษฐานยามเช้าและชื่นชมไปกับพระวจนะของพระเจ้าหรือไม่?  หากเจ้าอธิษฐานด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์และดื่มและกินพระวจนะของพระเจ้าเช่นนี้แล้ว เจ้าจะยิ่งเป็นที่ยอมรับต่อพระองค์มากขึ้น  หากเจ้าทำสิ่งนี้ทุกเช้า หากทุกวันเจ้าปฏิบัติการมอบหัวใจของเจ้าให้พระเจ้า สื่อสารและมีส่วนร่วมกับพระองค์ เช่นนั้นแล้วความรู้ของเจ้าเกี่ยวกับพระเจ้าย่อมจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน และเจ้าจะสามารถทำความเข้าใจเจตนารมณ์ของพระเจ้าได้ดีขึ้น  เจ้ากล่าวว่า “โอ พระเจ้า!  ข้าพระองค์เต็มใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ของข้าพระองค์ให้ลุล่วง  ข้าพระองค์มีความสามารถที่จะอุทิศการดำรงอยู่ทั้งหมดทั้งมวลของข้าพระองค์แด่พระองค์เท่านั้น เพื่อที่พระองค์อาจทรงได้รับพระสิริจากพวกเรา เพื่อที่พระองค์จะได้ทรงพระเกษมสำราญไปกับคำพยานที่พวกเรากลุ่มนี้กล่าวออกมา  ข้าพระองค์ขอร้องให้พระองค์ทรงพระราชกิจในตัวพวกเรา เพื่อที่ข้าพระองค์จะสามารถรักพระองค์อย่างแท้จริง และทำให้พระองค์สมดังพระทัยและไล่ตามเสาะหาพระองค์ในฐานะเป้าหมายของข้าพระองค์”  เมื่อเจ้ารับภาระนี้แล้ว พระเจ้าจะทรงทำให้เจ้ามีความเพียบพร้อมอย่างแน่นอน  เจ้าไม่ควรอธิษฐานเพื่อผลประโยชน์ของตัวเจ้าเองเท่านั้น แต่เจ้าควรอธิษฐานเพื่อทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าและเพื่อรักพระองค์อีกด้วย  นี่คือการอธิษฐานประเภทที่แท้จริงที่สุด  เจ้าเป็นผู้ที่อธิษฐานเพื่อทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าหรือไม่?

ในอดีตนั้น พวกเจ้าไม่รู้วิธีอธิษฐาน และเจ้าได้ละเลยเรื่องการอธิษฐาน  บัดนี้ เจ้าต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อฝึกฝนตัวเองให้อธิษฐาน  หากเจ้าไร้ความสามารถที่จะเรียกพละกำลังภายในตัวเจ้าให้มารักพระเจ้าได้ เจ้าจะอธิษฐานอย่างไร?  เจ้าพูดว่า “โอ พระเจ้า หัวใจของข้าพระองค์ไม่สามารถรักพระองค์ได้อย่างแท้จริง  ข้าพระองค์ต้องการรักพระองค์ แต่ข้าพระองค์ขาดพละกำลัง  ข้าพระองค์ควรทำอย่างไร?  ขอพระองค์ทรงเปิดดวงตาฝ่ายวิญญาณของข้าพระองค์ และขอพระวิญญาณของพระองค์ขับเคลื่อนหัวใจของข้าพระองค์เพื่อที่ว่า เมื่อข้าพระองค์มาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ ข้าพระองค์จะโยนทุกสิ่งที่เป็นลบทิ้งไป ยุติการถูกจำกัดโดยบุคคลใดๆ เรื่องใดๆ หรือสิ่งใดๆ และแผ่วางหัวใจอันเปลือยเปล่าอย่างสมบูรณ์ของข้าพระองค์เฉพาะพระพักตร์พระองค์ และเพื่อที่ข้าพระองค์จะได้ถวายการดำรงอยู่ทั้งหมดทั้งมวลของข้าพระองค์เฉพาะพระพักตร์พระองค์  ข้าพระองค์พร้อมแล้ว ไม่ว่าพระองค์อาจทรงทดสอบข้าพระองค์ในลักษณะเช่นไรก็ตาม  บัดนี้ ข้าพระองค์ไม่ได้คำนึงถึงโอกาสที่มองว่าเป็นไปได้ในอนาคตของข้าพระองค์อีกทั้งข้าพระองค์ก็ไม่ได้อยู่ภายใต้แอกแห่งความตาย  ด้วยหัวใจที่รักพระองค์ ข้าพระองค์ปรารถนาที่จะแสวงหาหนทางชีวิตนั้น  ทุกเรื่อง ทุกสิ่ง—ทั้งหมดอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์  ชะตากรรมของข้าพระองค์อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ และพระองค์ทรงกุมชีวิตที่แท้จริงของข้าพระองค์ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์  บัดนี้ ข้าพระองค์พยายามที่จะรักพระองค์ และโดยไม่คำนึงว่าพระองค์จะทรงอนุญาตให้ข้าพระองค์รักพระองค์หรือไม่ โดยไม่คำนึงถึงว่าซาตานก่อกวนอย่างไร ข้าพระองค์มุ่งมั่นที่จะรักพระองค์” เมื่อเจ้าเผชิญกับปัญหานี้ จงอธิษฐานเช่นนี้  หากเจ้าอธิษฐานเช่นนี้ทุกวัน พละกำลังที่จะรักพระเจ้าก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นมาเอง

เราจะเข้าสู่การอธิษฐานที่แท้จริงอย่างไร

ขณะอธิษฐาน เจ้าต้องมีหัวใจที่เงียบสงบเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า และเจ้าต้องมีหัวใจที่จริงใจ  เจ้ากำลังเข้าสนิทและอธิษฐานกับพระเจ้าอย่างแท้จริง—เจ้าต้องไม่พยายามป้อยอพระเจ้าโดยใช้คำพูดที่ฟังเสนาะหู  การอธิษฐานควรเพ่งศูนย์กลางไปยังสิ่งที่พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะทำให้สำเร็จลุล่วงในขณะนี้  จงขอให้พระเจ้าทรงมอบการรู้แจ้งและความกระจ่างที่มากกว่าเดิม จงนำสภาวะที่แท้จริงของเจ้าและปัญหาของเจ้าเข้าสู่การสถิตของพระองค์ในยามที่เจ้าอธิษฐาน รวมถึงปณิธานที่เจ้าได้ตั้งไว้เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า  การอธิษฐานไม่ได้เป็นเรื่องของการปฏิบัติไปตามขั้นตอน มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการแสวงหาพระเจ้าด้วยหัวใจที่จริงใจ  จงขอให้พระเจ้าปกป้องหัวใจของเจ้า เพื่อที่หัวใจของเจ้าอาจเงียบสงบเฉพาะพระพักตร์พระองค์ได้บ่อยครั้ง เพื่อว่าในสภาพแวดล้อมที่พระองค์ทรงวางเจ้าไว้ เจ้าจะได้รู้จักตนเอง ดูหมิ่นตนเองและฝืนตนเอง ส่งผลให้เจ้าได้มีความสัมพันธ์ที่ปกติกับพระเจ้าและกลายเป็นผู้ที่รักพระเจ้าอย่างแท้จริง

อะไรคือนัยสำคัญของการอธิษฐาน

การอธิษฐานเป็นหนึ่งในหลายวิธีที่มนุษย์ร่วมมือกับพระเจ้า เป็นวิถีทางหนึ่งที่มนุษย์ใช้เรียกหาพระเจ้า และเป็นกระบวนการที่พระวิญญาณของพระเจ้าใช้ดลใจมนุษย์  อาจกล่าวได้ว่า บรรดาผู้ที่ไม่อธิษฐานคือคนตายที่ไร้วิญญาณ ซึ่งพิสูจน์ว่าพวกเขาไร้ศักยภาพที่จะได้รับการดลใจจากพระเจ้า  เมื่อไร้การอธิษฐานก็ คงเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ชีวิตฝ่ายวิญญาณปกติได้ นับประสาอะไรกับการตามให้ทันพระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์  การอยู่โดยปราศจากการอธิษฐานคือการตัดขาดความสัมพันธ์ของคนเรากับพระเจ้า และคงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้มาซึ่งคำชมเชยของพระเจ้า  ในฐานะผู้เชื่อในพระเจ้า ยิ่งคนเราอธิษฐานมากเท่าใด นั่นก็คือคนเรายิ่งได้รับการดลใจจากพระเจ้ามากขึ้นเท่านั้น เราจะยิ่งถูกเติมเต็มด้วยปณิธานมากขึ้นเท่านั้น และเราจะยิ่งสามารถได้รับการรู้แจ้งที่ใหม่ที่สุดจากพระเจ้ามากขึ้นเท่านั้น  ผลลัพธ์ก็คือมีแต่บุคคลประเภทนี้เท่านั้นที่สามารถได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมจากพระวิญญาณบริสุทธิ์โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้

ประสิทธิผลอะไรที่การอธิษฐานหมายจะสัมฤทธิ์?

ผู้คนอาจสามารถปฏิบัติกิจวัตรแห่งการอธิษฐานและเข้าใจนัยสำคัญของการอธิษฐานได้ แต่การทำให้การอธิษฐานเกิดประสิทธิผลนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย  การอธิษฐานไม่ใช่กรณีของการทำไปอย่างพอเป็นพิธี การทำตามขั้นตอน หรือการท่องพระวจนะของพระเจ้าเท่านั้น  กล่าวคือการอธิษฐานไม่ใช่การกล่าวถ้อยคำเฉพาะบางคำเยี่ยงนกแก้วนกขุนทอง และไม่ไช่การเลียนแบบผู้อื่น  ในการอธิษฐานนั้น คนเราต้องเข้าถึงสภาวะที่เราสามารถมอบหัวใจให้พระเจ้าได้ โดยวางหัวใจของเราอย่างเปิดกว้างเพื่อให้พระเจ้าทรงขับเคลื่อนได้  หากจะให้การอธิษฐานนั้นมีประสิทธิผลแล้ว การอธิษฐานจะต้องอยู่บนพื้นฐานของการอ่านพระวจนะของพระเจ้า  โดยการอธิษฐานจากภายในพระวจนะของพระเจ้าเท่านั้น เราจึงจะสามารถได้รับการรู้แจ้งและการได้รับความกระจ่างมากขึ้น  การสำแดงต่างๆ ของการอธิษฐานที่แท้จริงคือ การมีหัวใจซึ่งโหยหาสิ่งทั้งปวงที่พระเจ้าทรงขอ และยิ่งไปกว่านั้น ความปรารถนาต่างๆ ที่จะสำเร็จลุล่วงในสิ่งที่พระองค์ทรงเรียกร้อง การรังเกียจสิ่งที่พระเจ้าทรงรังเกียจ และจากนั้น ด้วยการก่อร่างขึ้นต่อไปบนฐานรากนี้ ก็จะมีการได้รับความเข้าใจ และการมีความรู้และความกระจ่างแจ้งบางอย่างเกี่ยวกับความจริงที่พระเจ้าทรงอธิบายโดยละเอียด  เมื่อมีปณิธานมุ่งมั่น มีความเชื่อ มีความรู้ และมีเส้นทางของการปฏิบัติตามหลังการอธิษฐาน เมื่อนั้นเท่านั้นจึงจะสามารถเรียกได้ว่าเป็นการอธิษฐานที่แท้จริง และการอธิษฐานประเภทนี้เท่านั้นที่สามารถส่งประสิทธิผล  แต่การอธิษฐานจะต้องตั้งอยู่บนความชื่นชมยินดีในพระวจนะของพระเจ้า จะต้องถูกสถาปนาบนฐานรากแห่งการสามัคคีธรรมกับพระเจ้าในพระวจนะของพระองค์ และหัวใจต้องมีความสามารถที่จะแสวงหาพระเจ้าและกลายเป็นนิ่งสงบเฉพาะพระพักตร์พระองค์  การอธิษฐานแบบนี้ได้เข้าสู่ระยะของการสามัคคีธรรมกับพระเจ้าอย่างแท้จริงแล้ว

ความรู้พื้นฐานที่สุดเกี่ยวกับการอธิษฐานคือ

1. อย่ากล่าวอะไรก็ตามที่แวบเข้ามาในใจโดยอย่างมืดบอด  จะต้องมีภาระหนึ่งอยู่ในหัวใจของเจ้า นั่นก็คือ เจ้าต้องมีวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งเมื่อเจ้าอธิษฐาน

2. คำอธิษฐานต้องบรรจุไปด้วยพระวจนะของพระเจ้า ต้องมีรากฐานอยู่บนพระวจนะของพระเจ้า

3. ขณะกำลังอธิษฐาน อย่ารื้อฟื้นปัญหาเดิมๆ ราวกับเป็นเรื่องใหม่  คำอธิษฐานของเจ้าควรสัมพันธ์กับพระวจนะปัจจุบันของพระเจ้า  และเมื่อเจ้าอธิษฐาน จงบอกพระเจ้าถึงความคิดส่วนลึกที่สุดของเจ้า

4. การอธิษฐานเป็นกลุ่มต้องวนเวียนอยู่รอบๆ ศูนย์กลางหนึ่ง ซึ่งจำเป็นต้องเป็นพระราชกิจปัจจุบันของพระวิญญาณบริสุทธิ์

5. ทุกคนต้องเรียนรู้การอธิษฐานทูลขอ  นี่เป็นวิธีที่แสดงการคำนึงถึงเจตนารมณ์ของพระเจ้าด้วยเช่นกัน

ชีวิตแห่งการอธิษฐานของแต่ละคนนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานความเข้าใจในนัยสำคัญของการอธิษฐานและความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการอธิษฐาน  ในชีวิตประจำวัน จงอธิษฐานบ่อยๆ เพื่อขจัดข้อบกพร่องของตนเอง จงอธิษฐานเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุปนิสัยในการดำเนินชีวิตของเจ้า และจงอธิษฐานบนพื้นฐานของความรู้เกี่ยวกับพระวจนะของพระเจ้าของเจ้า  แต่ละคนควรสร้างชีวิตแห่งการอธิษฐานของตนเอง พวกเขาควรอธิษฐานเพื่อที่จะได้รู้จักพระวจนะของพระเจ้า และพวกเขาควรอธิษฐานเพื่อแสวงหาความรู้เกี่ยวกับพระราชกิจของพระเจ้า  จงเปิดเผยสภาพการณ์ส่วนตัวของเจ้าเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า และจงเป็นจริงโดยไม่วิตกกังวลกับวิธีที่เจ้าจะอธิษฐาน และประเด็นสำคัญคือเพื่อที่จะบรรลุความเข้าใจที่แท้จริง และเพื่อที่จะได้รับประสบการณ์จริงจากพระวจนะของพระเจ้า  คนที่ไล่ตามเสาะหาเพื่อเข้าสู่ชีวิตฝ่ายวิญญาณต้องสามารถอธิษฐานได้หลากหลายวิธี  การอธิษฐานเงียบ โดยใคร่ครวญถึงพระวจนะของพระเจ้า ทำความรู้จักกับพระราชกิจของพระเจ้า—เหล่านี้ล้วนเป็นตัวอย่างของงานของการสามัคคีธรรมฝ่ายวิญญาณที่มีจุดประสงค์เพื่อสัมฤทธิ์การเข้าสู่ชีวิตฝ่ายวิญญาณที่ปกติ ซึ่งจะทำให้สภาวะต่างๆ ของคนเราเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าดีขึ้นเรื่อยๆ และผลักดันให้คนเราก้าวหน้าในชีวิตมากยิ่งขึ้นอยู่เสมอ  สรุปก็คือ ทุกสิ่งที่เจ้าทำไม่ว่าจะเป็นการกินและการดื่มพระวจนะของพระเจ้า หรืออธิษฐานอย่างเงียบๆ หรือป่าวประกาศเสียงดัง ก็เพื่อให้เจ้าสามารถมองเห็นพระวจนะของพระเจ้า พระราชกิจของพระองค์ และสิ่งที่พระองค์ทรงปรารถนาที่จะสัมฤทธิ์ในตัวเจ้าได้อย่างชัดเจน  ที่สำคัญกว่าไปนั้นก็คือ ทุกสิ่งที่เจ้าทำล้วนทำไปเพื่อให้บรรลุมาตรฐานต่างๆ ที่พระเจ้าต้องประสงค์ และเพื่อยกระดับชีวิตของเจ้าให้สูงขึ้น  ขั้นต่ำสุดที่พระเจ้าทรงพึงประสงค์จากมนุษย์คือมนุษย์มีความสามารถที่จะเปิดใจของเขาต่อพระองค์ได้  หากมนุษย์มอบหัวใจที่แท้จริงของเขาให้พระเจ้าและกล่าวในสิ่งที่อยู่ในหัวใจของเขาอย่างแท้จริงแล้ว พระเจ้าก็เต็มพระทัยที่จะทรงพระราชกิจในตัวเขา  สิ่งที่พระเจ้าทรงพึงปรารถนามิใช่หัวใจที่บิดเบี้ยวของมนุษย์ แต่เป็นหัวใจที่บริสุทธิ์และซื่อตรง  หากมนุษย์ไม่พูดจากใจของเขาต่อพระเจ้า เช่นนั้นแล้วพระเจ้าจะไม่ทรงขับเคลื่อนหัวใจของเขาหรือทรงพระราชกิจในตัวเขา  ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดของการอธิษฐานคือการทูลต่อพระเจ้าจากหัวใจของเจ้า บอกพระองค์ถึงข้อบกพร่องหรืออุปนิสัยดื้อรั้นของเจ้า เปิดเผยตัวตนของเจ้าอย่างหมดเปลือกเฉพาะพระพักตร์พระองค์ เช่นนี้เท่านั้น พระเจ้าจึงจะทรงสนใจในการอธิษฐานของเจ้า มิเช่นนั้นแล้ว พระองค์ก็จะทรงซ่อนเร้นพระพักตร์ของพระองค์จากเจ้า  เกณฑ์กำหนดต่ำสุดสำหรับการอธิษฐานคือเจ้าพึงต้องมีความสามารถที่จะนิ่งสงบหัวใจของเจ้าเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า และหัวใจเจ้าต้องไม่ออกห่างจากพระเจ้า  อาจเป็นไปได้ว่าในระยะนี้ เจ้าไม่ได้รับความเข้าใจเชิงลึกที่ใหม่ขึ้นหรือสูงขึ้น แต่เจ้าจำต้องใช้การอธิษฐานเพื่อรักษาสถานภาพที่เป็นอยู่—เจ้าต้องไม่ถอยหลัง  นี่เป็นสิ่งเล็กน้อยที่สุดที่เจ้าต้องสัมฤทธิ์  หากเจ้าไม่สามารถสัมฤทธิ์แม้แต่สิ่งนี้ได้ เช่นนั้นแล้วก็ย่อมพิสูจน์ว่าชีวิตฝ่ายวิญญาณของเจ้าไม่ได้อยู่ในร่องครรลองที่ถูกต้อง  ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือเจ้าจะไร้ความสามารถที่จะยึดมั่นในนิมิตที่เจ้าเคยมีมาแต่ต้น เจ้าจะสูญเสียความเชื่อในพระเจ้า และปณิธานของเจ้าจะจางหายไปตามลำดับ  สัญญาณหนึ่งซึ่งบ่งบอกว่าเจ้าได้เข้าสู่ชีวิตฝ่ายวิญญาณแล้วหรือไม่ก็คือ การได้เห็นว่าการอธิษฐานของเจ้านั้นอยู่ในร่องครรลองที่ถูกต้องหรือไม่  ผู้คนทุกคนต้องเข้าสู่ความเป็นจริงนี้ พวกเขาทุกคนต้องทำงานในการฝึกฝนตนเองอย่างมีสติในการอธิษฐาน ไม่รอคอยอย่างนิ่งเฉย แต่ตั้งสติแสวงหาการได้รับการขับเคลื่อนโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์  เช่นนี้เท่านั้น พวกเขาจึงจะเป็นผู้คนที่แสวงหาพระเจ้าอย่างแท้จริง

เมื่อเจ้าเริ่มอธิษฐาน อย่าทำเกินความสามารถของตนเองและหวังว่าจะสัมฤทธิ์ทุกสิ่งพร้อมกันในคราวเดียว  เจ้าไม่สามารถทำการเรียกร้องที่ฟุ้งเฟ้อโดยคาดหมายว่าทันทีที่เจ้าเปิดปากของเจ้าเจ้าจะได้รับการขับเคลื่อนโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือเจ้าจะได้รับความรู้แจ้งและความกระจ่าง หรือพระเจ้าจะทรงโปรยปรายพระคุณลงบนตัวเจ้า  นั่นจะไม่เกิดขึ้น พระเจ้าไม่ทรงแสดงสิ่งเหนือธรรมชาติต่างๆ  พระเจ้าทรงยอมรับการอธิษฐานของผู้คนในเวลาของพระองค์เอง และบางครั้ง พระองค์ทรงทดสอบความเชื่อของเจ้าเพื่อดูว่าเจ้าจงรักภักดีเฉพาะพระพักตร์พระองค์หรือไม่  ยามเจ้าอธิษฐาน เจ้าต้องมีความเชื่อ ความมานะบากบั่นและปณิธาน  ตอนที่เพิ่งเริ่มการฝึกฝน ผู้คนส่วนใหญ่ถอดใจ ก็เพราะพวกเขาพลาดการถูกขับเคลื่อนโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์  แบบนี้ใช้ไม่ได้!  เจ้าต้องมานะบากบั่น เจ้าต้องมุ่งเน้นไปที่ความรู้สึกถึงการขับเคลื่อนของพระวิญญาณบริสุทธิ์และไปที่การแสวงหาและการท่องสำรวจ  บางครั้ง เส้นทางแห่งการปฏิบัติของเจ้าไม่ถูกต้อง และบางครา แรงจูงใจและมโนคติอันหลงผิดส่วนตัวทั้งหลายของเจ้าไม่สามารถยึดมั่นเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าได้ และดังนั้น พระวิญญาณของพระเจ้าจึงไม่สามารถขับเคลื่อนเจ้าได้  ในเวลาอื่นๆ พระเจ้าก็จะทรงมองว่าเจ้าจงรักภักดีหรือไม่  กล่าวสั้นๆ ก็คือในการฝึกฝน เจ้าควรยอมจ่ายในราคาที่สูงขึ้น  หากเจ้าค้นพบว่าเจ้ากำลังไม่ตรงลู่ตรงทางบนเส้นทางของการปฏิบัติของเจ้า เจ้าก็สามารถเปลี่ยนวิธีการอธิษฐานของเจ้าได้  ตราบที่เจ้าเสาะแสวงด้วยหัวใจที่จริงใจและโหยหาที่จะได้รับ ตราบนั้นพระวิญญาณบริสุทธิ์จะนำเจ้าเข้าสู่ความเป็นจริงนี้อย่างแน่นอน  บางคราวเจ้าอธิษฐานด้วยหัวใจที่จริงใจ แต่กลับไม่รู้สึกเสมือนว่าเจ้าได้ถูกขับเคลื่อนโดยเฉพาะ  ในคราวต่างๆ ที่เป็นเช่นนี้ เจ้าต้องพึ่งพาความเชื่อ ไว้วางใจว่าพระเจ้าจะทรงสอดส่องดูแลการอธิษฐานของเจ้า เจ้าต้องมีความมานะบากบั่นในการอธิษฐานของเจ้า

จงเป็นคนซื่อสัตย์ จงอธิษฐานต่อพระเจ้าเพื่อขจัดการหลอกลวงในหัวใจของเจ้า  จงชำระตัวเจ้าให้บริสุทธิ์ด้วยการอธิษฐานตลอดเวลา และได้รับการดลใจจากพระวิญญาณของพระเจ้าผ่านการอธิษฐาน  ในหนทางนี้ อุปนิสัยของเจ้าจะค่อยๆ เปลี่ยนไป  ชีวิตฝ่ายวิญญาณที่แท้จริงคือชีวิตแห่งการอธิษฐาน—เป็นชีวิตที่ได้รับการดลใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์  กระบวนการของการได้รับการดลใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์คือกระบวนการที่อุปนิสัยของมนุษย์มีการเปลี่ยนแปลง  ชีวิตที่คนเราไม่ได้รับการดลใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ใช่ชีวิตฝ่ายวิญญาณ นั่นยังคงเป็นชีวิตแห่งพิธีกรรมทางศาสนา  เฉพาะบรรดาผู้ที่ได้รับการดลใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ และได้รับความรู้แจ้งและความกระจ่างจากพระวิญญาณบริสุทธิ์บ่อยๆ เท่านั้นที่ได้เข้าสู่ชีวิตฝ่ายวิญญาณ  อุปนิสัยของมนุษย์เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอเมื่อเขาอธิษฐาน  ยิ่งพระวิญญาณของพระเจ้าดลใจเขามากเท่าใด เขาก็จะยิ่งกระตือรือร้นและนบนอบมากขึ้นเท่านั้น  ดังนั้นหัวใจของเขาก็จะถูกชำระให้บริสุทธิ์ทีละน้อยด้วยเช่นกัน และอุปนิสัยของเขาก็จะค่อยๆ เปลี่ยนไป  นั่นคือผลของการอธิษฐานที่แท้จริง

ก่อนหน้า:  รักอันจริงแท้สำหรับพระเจ้าเกิดขึ้นได้เอง

ถัดไป:  รู้จักพระราชกิจใหม่ล่าสุดของพระเจ้าและติดตามรอยพระบาทของพระองค์

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 6) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 7) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 8) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 9) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

Connect with us on Messenger