บทที่ 99

เพราะย่างก้าวของงานของเรากำลังเร่งเร็วขึ้น จึงไม่มีใครตามทันการก้าวเดินของเรา และไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใจจิตใจของเรา กระนั้น นี่คือหนทางไปข้างหน้าหนทางเดียว  นี่คือ “ความตาย” (ซึ่งหมายถึงการไม่สามารถทำความเข้าใจเจตนารมณ์ของเราได้ การไร้ความสามารถที่จะเข้าใจสิ่งที่เราหมายถึงจากคำพูดของเรา นี่คืออีกคำอธิบายหนึ่งของ “คนตาย” และไม่ได้หมายถึง “การถูกวิญญาณของเราละทิ้ง”) ในวลีว่า “การคืนชีพจากความตาย” ที่ได้พูดถึงแล้ว  เมื่อพวกเจ้าและเราได้เปลี่ยนผ่านจากระยะนี้เข้าสู่กาย เมื่อนั้นความหมายที่แท้จริงของ “การได้รับการคืนชีพจากความตาย” จะได้รับการทำให้ลุล่วง (นั่นคือ นี่คือความหมายที่แท้จริงของการคืนชีพจากความตาย)  ตอนนี้ นี่คือสภาพเงื่อนไขที่พวกเจ้าทั้งหมดปรากฏอยู่ กล่าวคือ พวกเจ้าไม่อาจทำความเข้าใจเจตนารมณ์ของเราได้ และพวกเจ้าไม่อาจจะพบย่างก้าวของเราได้  ยิ่งไปกว่านั้น พวกเจ้าไม่สามารถเงียบในวิญญาณของเจ้าได้ ดังนั้นพวกเจ้าจึงรู้สึกอึดอัดในจิตใจ  สภาพเงื่อนไขประเภทนี้คือ “ความทุกข์” ที่เรากล่าวถึงนั่นเอง และภายในความทุกข์นี้ที่ผู้คนไม่สามารถทานทนได้ เจ้ากำลังคิดถึงอนาคตของเจ้าเองในด้านหนึ่ง และในอีกด้านหนึ่งเจ้ากำลังยอมรับการเผาของเราและการพิพากษาของเรา ซึ่งคือการยิงและการโบยตีพวกเจ้าจากทุกทิศทุกทาง  นอกจากนี้ พวกเจ้าไม่อาจจะจับความเข้าใจในกฎเกณฑ์ใดๆ จากน้ำเสียงและลักษณะที่เราพูดได้ และในการเปล่งคำพูดชั่ววันหนึ่ง มีน้ำเสียงมากมายหลายประเภท เพื่อให้พวกเจ้าทุกข์ทนเป็นอย่างยิ่ง  เหล่านี้คือขั้นตอนในงานของเรา  นี่คือสติปัญญาของเรา  ในอนาคต พวกเจ้าจะได้ประสบการณ์กับความทุกข์ที่ยิ่งใหญ่กว่าในด้านนี้ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นไปเพื่อเผยผู้คนที่เสแสร้งทั้งหมด—สิ่งนี้ควรเป็นที่เข้าใจชัดในตอนนี้!  นี่คือวิธีที่เราทำงาน  เมื่อมีความทุกข์ประเภทนี้เป็นแรงจูงใจ และหลังจากที่ได้รับประสบการณ์กับความเจ็บปวดที่เทียบเท่ากับความตายนี้แล้ว พวกเจ้าจะเข้าสู่อีกอาณาจักรหนึ่ง  พวกเจ้าจะเข้าสู่กาย และปกครองร่วมกับเราเหนือชนชาติทั้งมวลและกลุ่มชนทั้งหมด

เหตุใดช่วงหลังมานี้เราจึงพูดในน้ำเสียงที่รุนแรงมากขึ้น?  เหตุใดน้ำเสียงของเราจึงเปลี่ยนแปลงบ่อยนัก แล้วเหตุใดวิธีการทำงานของเราก็เปลี่ยนแปลงบ่อยนักเช่นกัน?  สติปัญญาของเราได้อยู่ในสิ่งเหล่านี้  คำพูดของเราได้รับการพูดเพื่อทุกคนที่ได้ยอมรับชื่อนี้ (คำพูดของเราเป็นสิ่งที่สามารถสำเร็จลุล่วงได้ ไม่ว่าพวกเขาจะเชื่อหรือไม่) ดังนั้น ทุกคนควรฟังและเห็นคำพูดของเรา และคำพูดเหล่านี้ต้องไม่ถูกหยุดยั้ง เพราะเรามีวิธีการทำงานของเราและเรามีสติปัญญาของเรา  เราใช้คำพูดของเราเพื่อพิพากษาผู้คน เพื่อเผยผู้คน และเพื่อตีแผ่ธรรมชาติของมนุษย์  ด้วยการนั้น เราจึงคัดเลือกบรรดาผู้ที่เราได้เลือกออกมาแล้ว และกำจัดพวกที่เราไม่ได้ลิขิตไว้ล่วงหน้าหรือพวกที่เราไม่ได้เลือกไว้ออกไป  ทั้งหมดนี้คือสติปัญญาของเรา และนั่นคือความอัศจรรย์ของงานของเรา  นี่คือวิธีของเราในระยะนี้ของการทำงานของเรา  ท่ามกลางผู้คน มีผู้ใดหรือไม่ที่สามารถเข้าใจเจตนารมณ์ของเราได้?  ท่ามกลางผู้คน มีผู้ใดหรือไม่ที่สามารถคิดเห็นใจถึงภาระของเราได้?  องค์หนึ่งเดียวที่ทำงานคือเรา พระเจ้าพระองค์เอง  จะถึงวันที่พวกเจ้าจะเข้าใจอย่างถ้วนทั่วถึงนัยสำคัญของคำพูดเหล่านี้ของเรา และพวกเจ้าจะเข้าใจชัดอย่างครบบริบูรณ์ว่าเหตุใดเราจึงต้องการพูดคำพูดเหล่านี้  สติปัญญาของเราไม่รู้จบ ไม่จำกัด และไม่อาจวัดได้ และเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจได้อย่างครบบริบูรณ์  มนุษย์สามารถมองเห็นได้เพียงส่วนหนึ่งของสติปัญญาของเราจากสิ่งต่างๆ ที่เราทำ แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นยังคงบกพร่องและไม่ครบบริบูรณ์  เมื่อพวกเจ้าได้เปลี่ยนผ่านจากระยะนี้สู่ระยะถัดไปอย่างครบบริบูรณ์แล้ว เมื่อนั้นเจ้าจะมีความสามารถที่จะมองเห็นสติปัญญาของเราอย่างชัดเจน  จงจำไว้!  ตอนนี้คือยุคที่มีค่าที่สุด—นี่คือระยะสุดท้ายที่พวกเจ้าอยู่ในเนื้อหนัง  ชีวิตของพวกเจ้าในตอนนี้คือชีวิตที่มีรูปร่างชีวิตสุดท้ายของพวกเจ้า  เมื่อพวกเจ้าเข้าสู่โลกวิญญาณจากเนื้อหนัง เมื่อนั้นความเจ็บปวดทั้งหมดจะจากพวกเจ้าไป  พวกเจ้าจะชื่นชมยินดีและรื่นเริงอย่างยิ่ง และพวกเจ้าจะกระโดดโลดเต้นไม่หยุดด้วยความปีติยินดี  แต่พวกเจ้าต้องเข้าใจชัดว่าคำพูดเหล่านี้ที่เราพูดมีไว้เพื่อบุตรหัวปีเท่านั้น เพราะมีเพียงบุตรหัวปีเท่านั้นที่ควรค่าที่จะได้รับพรนี้  การเข้าสู่โลกวิญญาณคือพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พรที่สูงที่สุด และสิ่งที่มีค่าที่สุดที่จะได้สุขสำราญ  สิ่งต่างๆ ที่พวกเจ้าได้รับในตอนนี้เพื่อกินและเพื่อสวมใส่ไม่ได้เป็นสิ่งใดมากไปกว่าความสุขสำราญของเนื้อหนัง สิ่งเหล่านี้คือพระคุณ และเราไม่มีการคำนึงใดๆ ถึงสิ่งเหล่านี้เลย  สิ่งที่มุ่งเน้นของงานของเราอยู่ในระยะถัดไป (การเข้าสู่โลกวิญญาณและการเผชิญหน้ากับสากลพิภพ)

เราได้พูดแล้วว่าพญานาคใหญ่สีแดงได้ถูกเราทำลายย่อยยับและถูกบดขยี้แล้ว  พวกเจ้าจะสามารถไม่เชื่อคำพูดของเราไปได้อย่างไร?  เหตุใดพวกเจ้าจึงยังคงปรารถนาที่จะทนฝ่าการข่มเหงและความทุกข์ยากเพื่อเรา?  นี่ไม่ใช่ราคาที่เจ้าไม่จำเป็นต้องจ่ายหรอกหรือ?  เราได้เตือนพวกเจ้าหลายครั้งแล้วว่าพวกเจ้าแค่ต้องสุขสำราญเท่านั้น ขณะที่เราทำงานเองด้วยตัวเราเอง  เหตุใดพวกเจ้าจึงกระตือรือร้นที่จะลงมือดำเนินการนัก?  พวกเจ้าไม่รู้วิธีสุขสำราญจริงๆ!  เราได้เตรียมทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อพวกเจ้าไว้อย่างครบบริบูรณ์แล้ว—เหตุใดจึงไม่มีพวกเจ้าคนใดมาหาเราเพื่อเรียกร้องขอรับมันเล่า?  พวกเจ้ายังคงไม่แน่ใจเกี่ยวกับสิ่งที่เราได้พูด!  พวกเจ้าไม่เข้าใจเรา!  พวกเจ้าคิดว่าเรากำลังพูดคำพูดหยอกล้อที่ว่างเปล่า พวกเจ้าเลอะเลือนโดยแท้!  (การเตรียมพร้อมที่ครบบริบูรณ์ที่เราพูดถึงหมายถึงว่าพวกเจ้าควรเคารพยำเกรงเรามากขึ้น และอธิษฐานต่อหน้าเรามากขึ้น ในขณะที่เราจะทำงานเพื่อสาปแช่งทุกคนที่ต้านทานเรา และเพื่อลงโทษทุกคนที่ข่มเหงพวกเจ้าด้วยตัวเราเอง)  พวกเจ้าไม่รู้สิ่งใดเกี่ยวกับคำพูดของเราเลย!  เราเผยความล้ำลึกทั้งหมดของเราต่อพวกเจ้า แต่มีพวกเจ้ากี่คนที่เข้าใจความล้ำลึกเหล่านี้จริงๆ?  มีพวกเจ้ากี่คนที่เข้าใจความล้ำลึกเหล่านี้อย่างลึกซึ้ง?  บัลลังก์ของเราคืออะไร?  คทาเหล็กของเราคืออะไร?  มีใครรู้บ้างท่ามกลางพวกเจ้า?  เมื่อมีการกล่าวถึงบัลลังก์ของเรา ผู้คนส่วนใหญ่คิดว่านั่นคือที่ที่เรานั่ง หรือว่านั่นอ้างอิงถึงสถานที่พำนักของเรา หรือว่านั่นอ้างอิงถึงเรา ถึงบุคคลที่เราเป็น  ทั้งหมดนี้คือความเข้าใจที่ผิดพลาด—ความเข้าใจผิดมากมายทั้งนั้น!  ไม่มีการตีความใดในนี้ที่ถูกต้อง ใช่หรือไม่?  นี่คือวิธีที่พวกเจ้าทั้งหมดเข้าใจและจับความเข้าใจคำนี้—นี่เป็นเพียงความเข้าใจที่เบี่ยงเบนอย่างยิ่ง!  สิทธิอำนาจคืออะไร?  สิทธิอำนาจและบัลลังก์มีความสัมพันธ์ใด?  บัลลังก์คือสิทธิอำนาจของเรา  เมื่อบุตรหัวปีของเรายกบัลลังก์ของเราขึ้นสูง นั่นคือเวลาที่บุตรหัวปีของเราจะได้รับสิทธิอำนาจจากเรา  มีเพียงเราเท่านั้นที่มีสิทธิอำนาจ ดังนั้นจึงมีเพียงเราที่มีบัลลังก์  กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ หลังจากที่บุตรหัวปีของเราได้ทุกข์ทนในวิธีเดียวกับที่เราได้ทุกข์ทนแล้ว พวกเขาจะยอมรับสิ่งที่เราเป็นและสิ่งที่เรามี และจะได้รับทุกสิ่งทุกอย่างจากเรา นี่คือกระบวนการที่พวกเขาจะบรรลุสภาพของบุตรหัวปี  นั่นจะเป็นเวลาที่บุตรหัวปีของเรายกบัลลังก์ของเราขึ้นสูง และนี่จะยังเป็นเวลาที่พวกเขายอมรับสิทธิอำนาจจากเราเช่นกัน  ตอนนี้พวกเจ้าควรเข้าใจสิ่งนี้!  ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราพูดมีความชัดเจนและไม่กำกวมโดยสิ้นเชิง เพื่อที่ทุกคนจะเข้าใจได้  จงละวางมโนคติที่หลงผิดของพวกเจ้าเองลง และรอยอมรับความล้ำลึกที่เราเผยต่อพวกเจ้า!  แล้วคทาเหล็กคืออะไร?  ในระยะก่อนหน้า คทาเหล็กอ้างอิงถึงคำพูดที่กระด้างของเรา แต่ตอนนี้แตกต่างจากในอดีตคือ  ตอนนี้คทาเหล็กอ้างอิงถึงกิจการของเรา ซึ่งเป็นความพินาศย่อยยับที่ยิ่งใหญ่ที่ชุ่มไปด้วยสิทธิอำนาจ  ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่มีการกล่าวถึงคทาเหล็ก คทาเหล็กจะอยู่ร่วมกันกับสิทธิอำนาจเสมอ  ความหมายแต่ดั้งเดิมของคทาเหล็กได้รับการพูดถึงในแง่ของความวิบัติครั้งใหญ่—มันคือส่วนหนึ่งของสิทธิอำนาจ  ทุกคนต้องมองเห็นสิ่งนี้อย่างชัดเจน เช่นนั้นเท่านั้นที่พวกเขาจะสามารถเข้าใจเจตนารมณ์ของเราและได้รับการเผยจากคำพูดของเราได้  ผู้ใดก็ตามที่มีงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ย่อมถือคทาเหล็กไว้ในมือของเขา และเขาคือผู้ที่ถือสิทธิอำนาจและมีสิทธิ์ที่จะทำให้เกิดความวิบัติที่ร้ายแรงอันใดก็ได้  นี่คือหนึ่งในประกาศกฤษฎีกาบริหารของเรา

ทุกสิ่งทุกอย่างและทุกสรรพสิ่งได้รับการเปิดต่อเจ้า (นี่อ้างอิงถึงส่วนที่ได้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว) และทุกสิ่งทุกอย่างและทุกสรรพสิ่งถูกซ่อนจากพวกเจ้า (นี่อ้างอิงถึงส่วนลี้ลับของคำพูดของเรา)  เราพูดด้วยสติปัญญา กล่าวคือ  เราปล่อยให้พวกเจ้าเข้าใจเพียงความหมายตามตัวอักษรของคำพูดของเราบางส่วนเท่านั้น ในขณะที่เราปล่อยให้พวกเจ้าจับความเข้าใจความหมายของส่วนอื่นๆ (แต่ผู้คนส่วนใหญ่ไร้ความสามารถที่จะเข้าใจได้) เพราะนี่คือลำดับของงานของเรา  เราสามารถบอกพวกเจ้าเกี่ยวกับความหมายที่แท้จริงของคำพูดของเราได้ก็เมื่อพวกเจ้ามาถึงวุฒิภาวะเฉพาะหนึ่งๆ เท่านั้น  นี่คือสติปัญญาของเรา และสิ่งเหล่านี้คือกิจการอันมหัศจรรย์ของเรา (เพื่อทำให้พวกเจ้าเพียบพร้อมและเพื่อเอาชนะซาตานและเหยียดหยามพวกมารอย่างถ้วนทั่ว)  พวกเจ้าจะไม่มีความสามารถที่จะเข้าใจอย่างสุดใจได้จนกว่าพวกเจ้าจะเข้าสู่อีกอาณาจักรหนึ่ง  เราต้องทำในลักษณะนี้เพราะในมโนคติที่หลงผิดของมนุษย์ มีสิ่งต่างๆ มากมายที่ผู้คนไม่อาจจะหยั่งลึกได้เลย และถึงแม้ว่าเราพูดอย่างชัดเจน พวกเจ้าก็จะยังคงไม่เข้าใจ  ในท้ายที่สุดแล้ว จิตใจของผู้คนถูกจำกัด และมีสิ่งต่างๆ มากมายที่เราสามารถสื่อให้แก่พวกเจ้าได้หลังจากที่พวกเจ้าได้เข้าสู่โลกวิญญาณแล้วเท่านั้น มิฉะนั้นแล้ว เนื้อหนังของมนุษย์ก็ไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะเข้าใจได้ และสิ่งนี้ทำได้เพียงขัดขวางการบริหารจัดการของเราเท่านั้น  นี่คือความหมายที่แท้จริงของ “ลำดับของงานของเรา” ที่เราพูดถึง  ในมโนคติที่หลงผิดของพวกเจ้า พวกเจ้าเข้าใจเรามากเท่าใดกัน?  ความเข้าใจของเจ้าไร้ข้อบกพร่องหรือไม่?  มันเป็นความรู้ภายในวิญญาณหรือไม่?  ดังนั้น เราต้องปล่อยให้พวกเจ้าเปลี่ยนผ่านไปสู่อีกอาณาจักรหนึ่ง เพื่อให้พวกเจ้าทำงานของเราจนครบบริบูรณ์และทำตามเจตจำนงของเรา  แล้วอาณาจักรอื่นนี้คืออะไรกันแน่?  อาณาจักรนี้เป็นภาพที่ดีกว่าจริงๆ อย่างที่ผู้คนคิดหรือไม่?  อาณาจักรนี้คือบางสิ่งบางอย่างเช่นอากาศ ที่ไม่สามารถมองเห็นหรือรู้สึกได้แต่กระนั้นก็มีอยู่จริงๆ อย่างนั้นหรือ?  ดังที่เราได้กล่าวแล้ว สภาวะของการอยู่ในกายคือสภาวะของการมีเนื้อหนังและกระดูก ของการครอบครองรูปทรงและรูปร่าง  สิ่งนี้เป็นจริงและไม่ต้องสงสัยอย่างแน่นอน และทุกคนต้องเชื่อสิ่งนี้  นี่คือสภาวะอันแท้จริงในกาย  ยิ่งไปกว่านั้น ในกายไม่มีเรื่องที่ผู้คนเกลียด  แต่สภาวะนี้คืออะไรกันแน่?  เมื่อผู้คนผ่านจากเนื้อหนังสู่กาย กลุ่มใหญ่ต้องปรากฏขึ้น  นั่นจึงกล่าวได้ว่า พวกเขาจะแยกตัวเป็นอิสระจากบ้านที่เป็นเนื้อหนังของพวกเขา และสามารถพูดได้ว่าแต่ละคนจะติดตามประเภทของพวกเขาเอง กล่าวคือ เนื้อหนังรวมตัวอยู่กับเนื้อหนัง และกายรวมตัวอยู่กับกาย  ตอนนี้ บรรดาผู้ที่แยกตัวเป็นอิสระจากบ้านของพวกเขา พ่อแม่ ภรรยา สามี บุตรชายและบุตรหญิงของพวกเขา จะเริ่มต้นเข้าสู่โลกวิญญาณ  ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเช่นนี้คือ สถานการณ์ในโลกวิญญาณย่อมเป็นว่า บุตรหัวปีรวมตัวกัน ร้องเพลงและเต้นรำ สรรเสริญ และโห่ร้องยินดีกับชื่ออันบริสุทธิ์ของเรา  นี่คือฉากที่สวยงามและใหม่อยู่เสมอ  ทั้งหมดคือบุตรที่เป็นที่รักของเรา ซึ่งสรรเสริญเราตลอดไปโดยไม่หยุดหย่อน และยกชื่ออันบริสุทธิ์ของเราขึ้นสูงตลอดไป  นี่คือสถานการณหลังการเข้าสู่โลกวิญญาณ นี่ยังเป็นงานหลังการเข้าสู่โลกวิญญาณ และเป็นสถานการณ์ที่เราได้พูดถึงเกี่ยวกับการเลี้ยงดูคริสตจักรในโลกวิญญาณอีกด้วย  ยิ่งไปกว่านั้น เป็นอันว่าสภาวะบุคคลของเราปรากฏในทุกชนชาติของจักรวาล และท่ามกลางชนชาติทั้งมวลและกลุ่มชนทั้งหมด โดยถือสิทธิอำนาจของเรา ความโกรธเคืองของเรา และการพิพากษาของเรา และยิ่งไปกว่านั้น โดยถือคทาเหล็กของเราเพื่อวางระเบียบควบคุมชนชาติทั้งมวลและกลุ่มชนทั้งหมด  สิ่งนี้ ท่ามกลางกลุ่มชนทั้งหมดและทั้งจักรวาล เป็นพยานต่อเรา ซึ่งสั่นคลอนสวรรค์และแผ่นดินโลก ทำให้กลุ่มชนทั้งหมดและทุกสรรพสิ่งบนภูเขา ในแม่น้ำ ในทะเลสาบ และที่สุดปลายพิภพสรรเสริญเราและถวายเกียรติแด่เรา และรู้จักเรา พระเจ้าหนึ่งเดียวพระองค์เอง ผู้ทรงเป็นพระผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง และผู้ทรงนำทุกสิ่งทุกอย่าง จัดการทุกสิ่งทุกอย่าง พิพากษาทุกสิ่งทุกอย่าง สำเร็จลุล่วงทุกสิ่งทุกอย่าง ลงโทษทุกสิ่งทุกอย่าง และทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง  เช่นนั้นแล้ว นี่คือการปรากฏที่แท้จริงของสภาวะบุคคลของเรา

ก่อนหน้า:  บทที่ 98

ถัดไป:  บทที่ 100

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 6) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 7) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 8) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 9) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

Connect with us on Messenger