ไม่มีใครที่มีเนื้อหนังสามารถหลีกหนีวันแห่งพระพิโรธได้

ในวันนี้ เราเตือนสอนพวกเจ้าเช่นนี้ก็เพื่อประโยชน์แห่งความอยู่รอดของพวกเจ้าเอง เพื่อให้งานของเราก้าวหน้าไปอย่างราบรื่น และเพื่อที่งานปฐมฤกษ์ของเราทั่วทั้งจักรวาลจะได้รับการดำเนินการอย่างเหมาะสมและมีความเพียบพร้อมยิ่งขึ้น เพื่อเปิดเผยวจนะ สิทธิอำนาจ บารมี และการพิพากษาของเราต่อประชาชนของทุกประเทศและทุกชาติ  งานที่เราทำท่ามกลางพวกเจ้าคือการเริ่มต้นของงานของเราทั่วทั้งจักรวาล  แม้ว่าบัดนี้คือเวลาของยุคสุดท้ายแล้ว แต่จงรู้เอาไว้ว่า “ยุคสุดท้าย” เป็นเพียงชื่อหนึ่งของยุคหนึ่ง เฉกเช่นเดียวกับยุคธรรมบัญญัติและยุคพระคุณ ชื่อนั้นอ้างอิงถึงยุคหนึ่ง และบ่งบอกถึงยุคหนึ่งทั้งยุค แทนที่จะเป็นไม่กี่ปีหรือไม่กี่เดือนสุดท้าย  กระนั้นก็ตาม ยุคสุดท้ายไม่เหมือนอย่างยิ่งกับยุคพระคุณและยุคธรรมบัญญัติ  งานแห่งยุคสุดท้ายนั้นไม่ได้ดำเนินการในประเทศอิสราเอล แต่ดำเนินการท่ามกลางประชาชาติ เป็นการพิชิตชัยผู้คนจากทุกชนชาติและทุกเผ่าพันธุ์นอกประเทศอิสราเอลเบื้องหน้าบัลลังก์ของเรา เพื่อที่ว่าสง่าราศีของเราทั่วทั้งจักรวาลจะสามารถเติมเต็มจักรวาลและพื้นฟ้าได้  มันเป็นเช่นนั้นเพื่อที่เราจะสามารถได้รับสง่าราศีที่ยิ่งใหญ่กว่า เพื่อที่สรรพสิ่งสร้างทั้งปวงบนแผ่นดินโลกจะสามารถส่งต่อสง่าราศีของเราไปยังทุกชนชาติ จากรุ่นสู่รุ่นตลอดไป และสรรพสิ่งสร้างทั้งปวงในฟ้าสวรรค์และบนแผ่นดินโลกจะสามารถมองเห็นสง่าราศีทั้งหมดที่เราได้รับมาบนแผ่นดินโลก  งานที่ดำเนินการในระหว่างยุคสุดท้ายคืองานแห่งการพิชิตชัย  ไม่ใช่การนำทางชีวิตของผู้คนทั้งหมดบนแผ่นดินโลก แต่เป็นบทสรุปปิดตัวของชีวิตแห่งความทุกข์ที่ยาวนานหลายพันปีและไม่รู้จบของมวลมนุษย์บนแผ่นดินโลก  ผลที่ตามมาก็คืองานในยุคสุดท้ายจึงไม่สามารถเหมือนกับงานหลายพันปีในประเทศอิสราเอล และไม่สามารถเหมือนกับงานเพียงหลายปีในแคว้นยูเดีย ซึ่งได้ดำเนินต่อไปเป็นเวลาสองพันปีจนกระทั่งถึงการประสูติเป็นมนุษย์ครั้งที่สองของพระเจ้า  ผู้คนในยุคสุดท้ายเผชิญกับการทรงปรากฏอีกครั้งของพระผู้ไถ่ในเนื้อหนังเท่านั้น และพวกเขาได้รับพระราชกิจและพระวจนะส่วนพระองค์ของพระเจ้า  เวลาจะไม่นานถึงสองพันปีก่อนที่ยุคสุดท้ายจะมาถึงบทอวสาน ยุคสุดท้ายจะสั้น เหมือนกับเวลาที่พระเยซูทรงดำเนินพระราชกิจแห่งยุคพระคุณในแคว้นยูเดีย  นี่เป็นเพราะยุคสุดท้ายเป็นบทสรุปปิดตัวของทั้งยุค  ยุคสุดท้ายเป็นความครบบริบูรณ์และการอวสานของแผนการบริหารจัดการหกพันปีของพระเจ้า และยุคสุดท้ายสรุปปิดตัวการเดินทางชั่วชีวิตแห่งความทุกข์ของมวลมนุษย์  ยุคสุดท้ายไม่ได้นำพามวลมนุษย์ทั้งปวงมาสู่ยุคใหม่หรือยอมให้ชีวิตของมวลมนุษย์ดำเนินต่อไป นั่นจะไม่มีนัยสำคัญเลยต่อแผนการบริหารจัดการของเรา หรือต่อการดำรงอยู่ของมนุษย์  หากมวลมนุษย์ดำเนินต่อไปเช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็ว พวกเขาก็จะถูกมารกัดกินไปจนหมด และวิญญาณเหล่านั้นที่เป็นของเราก็จะถูกทำลายด้วยมือของมันในที่สุด  งานของเราใช้เวลานานแค่หกพันปี และเราได้สัญญาว่าการควบคุมมวลมนุษย์ทั้งปวงของมารร้ายก็จะใช้เวลาแค่หกพันปีเช่นกัน  ดังนั้น บัดนี้หมดเวลาแล้ว  เราจะไม่ดำเนินการต่อหรือหน่วงเหนี่ยวอีกต่อไป นั่นคือ ในระหว่างยุคสุดท้าย เราจะปราบซาตาน เราจะเอาสง่าราศีของเราทั้งหมดคืนมา และเราจะเรียกคืนวิญญาณทั้งหมดที่เป็นของเราบนแผ่นดินโลก เพื่อที่วิญญาณที่เศร้าโศกเหล่านี้อาจหนีพ้นจากทะเลแห่งความทุกข์ได้ และด้วยเหตุนั้นจะเป็นการสรุปปิดตัวงานทั้งหมดของเราบนแผ่นดินโลก  นับจากวันนี้เป็นต้นไป เราจะไม่มีวันบังเกิดเป็นมนุษย์บนแผ่นดินโลกอีก และวิญญาณของเราซึ่งเป็นองค์อธิปัตย์เหนือทุกสิ่งจะไม่มีวันทำงานบนแผ่นดินโลกอีก  เราจะเพียงแค่สร้างมวลมนุษย์ขึ้นใหม่บนแผ่นดินโลก เป็นมวลมนุษย์ที่ได้รับการชำระให้สะอาดบริสุทธิ์และเป็นเมืองที่สัตย์ซื่อของเราบนแผ่นดินโลก  แต่จงรู้ไว้ว่าเราจะไม่ทำลายล้างโลกทั้งหมด อีกทั้งเราจะไม่ทำลายล้างมวลมนุษย์ทั้งปวง เราจะเก็บหนึ่งในสามที่เหลืออยู่นั้นเอาไว้—หนึ่งในสามที่รักเราและได้ถูกเราพิชิตอย่างถ้วนทั่วแล้ว และเราจะทำให้หนึ่งในสามนี้เกิดผลและทวีคูณบนแผ่นดินโลกเช่นเดียวกับที่คนอิสราเอลได้ทำภายใต้ธรรมบัญญัติ พวกเขาจะได้รับแกะและฝูงปศุสัตว์ใช้งานมากมายที่เราใช้บำรุงเลี้ยงพวกเขา รวมทั้งความมั่งคั่งทั้งสิ้นบนแผ่นดินโลก  มวลมนุษย์นี้จะคงอยู่กับเราตลอดไป แต่จะไม่ใช่มวลมนุษย์ที่โสมมอย่างน่าเสียดายของวันนี้ แต่เป็นมวลมนุษย์ที่เป็นชุมนุมชนของบรรดาผู้ที่เราได้รับไว้แล้วทั้งหมด  มวลมนุษย์เช่นนี้จะไม่ถูกซาตานทำให้เสียหาย รบกวน หรือล้อมกรอบ และจะเป็นมวลมนุษย์หนึ่งเดียวที่ดำรงอยู่บนแผ่นดินโลกหลังจากที่เราได้ชัยชนะเหนือซาตานแล้ว  เป็นมวลมนุษย์ที่เราได้พิชิตในวันนี้ และได้รับคำสัญญาของเราแล้ว  และดังนั้น มวลมนุษย์ที่ได้รับการพิชิตแล้วในระหว่างยุคสุดท้ายก็คือมวลมนุษย์ที่จะได้รับการละเว้นและจะได้รับพรนิรันดร์กาลของเราอีกด้วย  มวลมนุษย์นี้จะเป็นหลักฐานเดียวแห่งชัยชนะของเราเหนือซาตาน และเป็นของที่ริบมาหนึ่งเดียวจากการสู้รบของเรากับซาตาน  ของที่ริบมาจากสงครามเหล่านี้ได้รับการช่วยให้รอดจากอำนาจของซาตานโดยเรา และเป็นการตกผลึกและผลหนึ่งเดียวของแผนการบริหารจัดการหกพันปีของเรา  พวกเขามาจากทุกชาติและทุกนิกาย จากทุกสถานที่และทุกประเทศทั่วทั้งจักรวาล  พวกเขามีเชื้อชาติที่แตกต่างกัน มีภาษา ขนบธรรมเนียม และสีผิวที่แตกต่างกัน และพวกเขาก็กระจายอยู่ทั่วทุกชาติและทุกนิกายของโลก และแม้กระทั่งทุกมุมของโลก  ในที่สุดพวกเขาก็จะมารวมตัวกันเพื่อสร้างมวลมนุษย์ที่ครบบริบูรณ์ เป็นชุมนุมชนของมนุษย์ที่กองกำลังของซาตานไม่สามารถเข้าถึงได้  พวกที่อยู่ท่ามกลางมวลมนุษย์ที่ไม่ได้รับการช่วยให้รอดและการพิชิตโดยเรา จะจมเงียบไปในความลึกแห่งทะเล และจะถูกเผาไหม้ด้วยไฟที่เผาผลาญของเราไปตลอดชั่วกัลปาวสาน  เราจะทำลายล้างมวลมนุษย์เก่าๆ ที่โสมมอย่างยิ่งนี้ เช่นเดียวกับที่เราได้ทำลายล้างบรรดาบุตรหัวปีและฝูงปศุสัตว์ของประเทศอียิปต์ โดยให้เหลืออยู่เพียงคนอิสราเอลเท่านั้น ผู้ซึ่งกินเนื้อลูกแกะ ดื่มเลือดลูกแกะ และป้ายขื่อประตูด้วยเลือดลูกแกะ  ผู้คนที่ได้ถูกเราพิชิตแล้วและอยู่ในครอบครัวของเราไม่ได้เป็นผู้คนที่กินเนื้อพระเมษโปดกซึ่งก็คือเรา และดื่มพระโลหิตของพระเมษโปดกซึ่งก็คือเรา และได้รับการไถ่บาปโดยเราและนมัสการเราด้วยหรอกหรือ?  ผู้คนเช่นนี้ไม่ได้มาพร้อมกับสง่าราศีของเราตลอดหรอกหรือ?  บรรดาพวกที่อยู่โดยปราศจากเนื้อพระเมษโปดกซึ่งก็คือ เรานั้น ไม่ได้จมลงอย่างเงียบเชียบไปในความลึกแห่งท้องทะเลแล้วหรอกหรือ?  ในวันนี้พวกเจ้าไม่ยอมรับเรา และในวันนี้วจนะของเราเป็นเหมือนกับบรรดาพระวจนะที่พระยาห์เวห์ได้ตรัสไว้กับบรรดาบุตรชายและหลานชายแห่งประเทศอิสราเอล  กระนั้นก็มีความดื้อแพ่งในส่วนลึกของหัวใจพวกเจ้า และพวกเจ้าก็กำลังสั่งสมความโกรธของเราให้มากขึ้น ซึ่งนำความทุกข์มาสู่เนื้อหนังของพวกเจ้ามากขึ้น นำการพิพากษามาสู่บาปทั้งหลายของพวกเจ้ามากขึ้น และนำความโกรธมาสู่ความไม่ชอบธรรมของพวกเจ้ามากขึ้น  ใครเล่าจะสามารถได้รับการละเว้นในวันแห่งความโกรธของเราได้ ในเมื่อพวกเจ้าปฏิบัติต่อเราเช่นนี้ในวันนี้?  ความไม่ชอบธรรมของผู้ใดจะสามารถหลีกหนีตาแห่งการตีสอนของเราได้?  ความชั่วช้าของผู้ใดจะสามารถหลบหลีกมือของเรา องค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้?  การแข็งขืนของผู้ใดจะสามารถหลีกหนีคำพิพากษาของเรา องค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้?  เรา พระยาห์เวห์ พูดเช่นนี้ต่อพวกเจ้า พงศ์พันธุ์ของครอบครัวคนต่างชาติ และวจนะที่เราพูดกับพวกเจ้าล้ำเลิศกว่าถ้อยดำรัสทั้งหมดของยุคธรรมบัญญัติและยุคพระคุณ แต่พวกเจ้าดื้อแพ่งกว่าผู้คนของประเทศอียิปต์ทั้งหมด  พวกเจ้าไม่กักเก็บความโกรธของเราในขณะที่เราทำงานของเราอย่างสงบเงียบหรอกหรือ?  พวกเจ้าจะสามารถหนีพ้นโดยไม่ได้รับอันตรายจากวันของเรา องค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้อย่างไรเล่า?

เราได้ทำงานและพูดในหนทางนี้ท่ามกลางพวกเจ้า เราได้สละกำลังและความพยายามไปมากมายยิ่ง กระนั้นเมื่อใดเล่าที่พวกเจ้าได้ฟังสิ่งที่เราบอกพวกเจ้าอย่างชัดเจน?  ที่ใดเล่าที่พวกเจ้าได้กราบไหว้เรา องค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์?  เหตุใดพวกเจ้าจึงปฏิบัติต่อเราเยี่ยงนี้?  เหตุใดทุกสิ่งที่พวกเจ้าพูดและทำจึงยั่วยุความโกรธของเรา?  เหตุใดหัวใจของพวกเจ้าจึงกระด้างนัก?  เราได้เคยคร่าชีวิตพวกเจ้าบ้างหรือไม่?  เหตุใดพวกเจ้าจึงไม่ทำสิ่งใดเลยนอกจากทำให้เราโศกเศร้าและกระวนกระวายใจ?  พวกเจ้ากำลังรอให้วันแห่งความโกรธของเรา พระยาห์เวห์ เกิดขึ้นกับพวกเจ้าอยู่ใช่หรือไม่?  พวกเจ้ากำลังรอให้เราส่งความโกรธที่ถูกยั่วยุด้วยความเป็นกบฏของพวกเจ้าอยู่ใช่หรือไม่?  ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำไม่ใช่เพื่อพวกเจ้าหรอกหรือ?  กระนั้นพวกเจ้าก็ยังได้ปฏิบัติต่อเรา พระยาห์เวห์ ในหนทางนี้อยู่เสมอ นั่นคือ ขโมยเครื่องสักการะของเรา นำเครื่องบูชาที่แท่นบูชาของเรากลับไปยังถ้ำหมาป่าเพื่อเลี้ยงพวกลูกหมาป่าและลูกๆ ของพวกลูกหมาป่า ผู้คนต่างต่อสู้กันเอง เผชิญหน้ากันและกันด้วยการจ้องมองที่โกรธเกรี้ยว และด้วยดาบและหอก โยนถ้อยคำของเรา องค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ลงไปในส้วมให้กลายเป็นสกปรกเหมือนสิ่งปฏิกูล  ความซื่อสัตย์สุจริตของพวกเจ้าอยู่ที่ใดเล่า?  สภาวะความเป็นมนุษย์ของพวกเจ้าได้กลายเป็นความเหมือนสัตว์เดรัจฉาน!  หัวใจของพวกเจ้าได้กลายเป็นหินมานานแล้ว  พวกเจ้าไม่รู้หรอกหรือว่าเวลาที่วันแห่งความโกรธของเรามาถึงจะเป็นเวลาที่เราพิพากษาความชั่วที่พวกเจ้ากระทำต่อเรา องค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ในวันนี้?  พวกเจ้าคิดหรือว่าโดยการหลอกเราในหนทางนี้ โดยการโยนถ้อยคำของเราลงไปในโคลนตมและไม่ฟังถ้อยคำของเรา—พวกเจ้าคิดว่าโดยการปฏิบัติตัวเช่นนี้ลับหลังเรา พวกเจ้าจะสามารถหลีกหนีการจ้องมองที่โกรธเกรี้ยวของเราได้หรือ?  พวกเจ้าไม่รู้หรอกหรือว่าตาของเรา พระยาห์เวห์ ได้มองเห็นพวกเจ้าแล้วคราที่พวกเจ้าขโมยเครื่องสักการะของเรา และละโมบในสิ่งครอบครองของเรา?  พวกเจ้าไม่รู้หรอกหรือว่าเมื่อพวกเจ้าได้ขโมยเครื่องสักการะของเราไป พวกเจ้าได้ทำเช่นนั้นเบื้องหน้าแท่นบูชาที่เครื่องสักการะถูกถวาย?  พวกเจ้าสามารถเชื่อว่าตัวเองฉลาดเช่นนี้และหลอกลวงเราในหนทางนี้ได้อย่างไร?  ความโกรธของเราจะสามารถออกห่างจากบาปอันชั่วร้ายของพวกเจ้าได้อย่างไร?  ความเดือดดาลรุนแรงของเราจะสามารถเมินเฉยต่อการทำชั่วของพวกเจ้าได้อย่างไร?  ความชั่วที่พวกเจ้ากระทำในวันนี้ไม่ได้เปิดทางออกให้กับพวกเจ้า แต่กักเก็บการตีสอนไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ของพวกเจ้า มันยั่วยุการตีสอนของเรา องค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ต่อพวกเจ้า  การทำชั่วและคำพูดชั่วของพวกเจ้าจะสามารถหนีพ้นจากการตีสอนของเราได้อย่างไร?  คำอธิษฐานของพวกเจ้าจะสามารถมาถึงหูของเราได้อย่างไร?  เราจะสามารถเปิดทางออกให้กับความไม่ชอบธรรมของพวกเจ้าได้อย่างไร?  เราจะสามารถปล่อยการทำชั่วของพวกเจ้าในการกบฏต่อเราไปเฉยๆ ได้อย่างไร?  เราจะสามารถไม่ตัดลิ้นของพวกเจ้าที่มีพิษเหมือนลิ้นของงูได้อย่างไร?  พวกเจ้าไม่มาหาเราเพื่อประโยชน์แห่งความชอบธรรมของพวกเจ้า แต่กลับกักเก็บความโกรธของเราอันเป็นผลจากความไม่ชอบธรรมของพวกเจ้าไว้แทน  เราจะสามารถให้อภัยพวกเจ้าได้อย่างไร?  ในสายตาของเรา องค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ คำพูดและการกระทำของพวกเจ้าล้วนสกปรก  สายตาของเรา องค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ เห็นความไม่ชอบธรรมของพวกเจ้าเป็นเหมือนการตีสอนที่ไม่หยุดหย่อน  การตีสอนและการพิพากษาอันชอบธรรมของเราจะสามารถออกห่างจากพวกเจ้าได้อย่างไร?  เพราะพวกเจ้าทำสิ่งนี้กับเรา ทำให้เราโศกเศร้าและโกรธเกรี้ยว เราจะสามารถปล่อยให้พวกเจ้าหนีพ้นจากมือของเรา และออกห่างจากวันที่เรา พระยาห์เวห์ ตีสอนและสาปแช่งพวกเจ้าได้อย่างไร?  พวกเจ้าไม่รู้หรอกหรือว่าคำพูดและถ้อยคำชั่วทั้งหมดของพวกเจ้าได้มาถึงหูของเราแล้ว?  พวกเจ้าไม่รู้หรอกหรือว่าความไม่ชอบธรรมของพวกเจ้าได้ทำให้เสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์แห่งความชอบธรรมของเราแปดเปื้อนแล้ว?  พวกเจ้าไม่รู้หรอกหรือว่าความเป็นกบฏของพวกเจ้าได้ยั่วยุความโกรธเกรี้ยวของเราแล้ว?  พวกเจ้าไม่รู้หรอกหรือว่าพวกเจ้าได้ปล่อยให้เราเดือดพล่านมานานแล้ว และได้ทดสอบความอดทนของเรามานานแล้ว?  พวกเจ้าไม่รู้หรอกหรือว่าพวกเจ้าได้ทำให้เนื้อหนังที่เราสวมใส่อยู่เสียหาย กลายเป็นผ้าขี้ริ้วไปแล้ว?  เราได้สู้ทนมาจนถึงบัดนี้ กระทั่งเราปลดปล่อยความโกรธของเรา ไม่ยอมผ่อนปรนต่อพวกเจ้าอีกต่อไป  พวกเจ้าไม่รู้หรอกหรือว่าการทำชั่วของพวกเจ้าได้มาถึงสายตาของเราแล้ว และเสียงร้องของเราก็ได้ไปถึงพระกรรณของพระบิดาของเราแล้ว?  พระองค์จะสามารถยอมให้พวกเจ้าปฏิบัติต่อเราเยี่ยงนี้ได้อย่างไร?  มีงานใดบ้างที่เราทำในตัวพวกเจ้าที่ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของพวกเจ้า?  กระนั้นใครบ้างท่ามกลางพวกเจ้าได้กลายเป็นมีความรักมากขึ้นต่องานของเรา  พระยาห์เวห์?  เราจะสามารถไม่สัตย์ซื่อต่อน้ำพระทัยของพระบิดาของเราเพราะเราอ่อนแอ และเพราะความระทมที่เราทนทุกข์ได้หรือ?  พวกเจ้าไม่เข้าใจหัวใจของเราหรอกหรือ?  เราพูดกับพวกเจ้าเหมือนที่พระยาห์เวห์ได้ตรัสกับพวกเจ้า เราไม่ได้อุทิศทุ่มเทไปมากมายเหลือเกินเพื่อพวกเจ้าหรอกหรือ?  แม้ว่าเราเต็มใจที่จะแบกรับความทุกข์ทั้งหมดนี้เพื่อประโยชน์แห่งพระราชกิจของพระบิดาของเรา แต่พวกเจ้าจะเป็นอิสระจากการตีสอนที่เรานำมาสู่พวกเจ้า อันเป็นผลจากความทุกข์ของเราได้อย่างไร?  พวกเจ้าไม่ได้ชื่นชมอย่างมากมายยิ่งนักจากเราหรอกหรือ?  วันนี้พระบิดาของเราได้ประทานเรามาให้แก่พวกเจ้าแล้ว พวกเจ้าไม่รู้หรอกหรือว่าพวกเจ้าชื่นชมมากยิ่งกว่าถ้อยคำอันโอบเอื้อของเรา?  พวกเจ้าไม่รู้หรอกหรือว่าชีวิตของเราได้ถูกแลกเปลี่ยนกับชีวิตของพวกเจ้าและสิ่งทั้งหลายที่พวกเจ้าชื่นชม?  พวกเจ้าไม่รู้หรอกหรือว่าพระบิดาของเราทรงใช้ชีวิตของเราเพื่อทำการสู้รบกับซาตาน และพระองค์ยังประทานชีวิตของเราให้แก่พวกเจ้า ทำให้พวกเจ้าได้รับเป็นร้อยเท่า และปล่อยให้พวกเจ้าหลีกเลี่ยงการทดลองมากมายยิ่งนักอีกด้วย?  พวกเจ้าไม่รู้หรอกหรือว่าเป็นเพราะงานของเราเท่านั้นพวกเจ้าจึงได้รับการยกเว้นจากการทดลองมากมาย และจากการตีสอนรุนแรงมากมาย?  พวกเจ้าไม่รู้หรอกหรือว่าเป็นเพราะเราเท่านั้นพระบิดาของเราจึงทรงยินยอมให้พวกเจ้าชื่นชมตราบจนบัดนี้?  ในวันนี้พวกเจ้าจะยังคงกระด้างและไม่ยอมอ่อนข้อ จนเหมือนกับว่ามีติ่งเนื้อแข็งเติบโตขึ้นในหัวใจของพวกเจ้าได้อย่างไร?  ความชั่วที่พวกเจ้ากระทำในวันนี้จะสามารถหลีกหนีวันแห่งความโกรธที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังจากที่เราไปจากแผ่นดินโลกได้อย่างไร?  เราจะสามารถยินยอมให้พวกที่กระด้างและไม่ยอมอ่อนข้อยิ่งนักเหล่านี้หลีกหนีความโกรธของพระยาห์เวห์ไปได้อย่างไร?

จงนึกย้อนกลับไปในอดีตว่า เมื่อใดกันที่สายตาจับจ้องของเราโกรธเกรี้ยว และเสียงของเราเข้มขรึมต่อพวกเจ้า?  เมื่อใดกันที่เราคิดเล็กคิดน้อยกับพวกเจ้า?  เมื่อใดกันที่เราได้ตำหนิพวกเจ้าอย่างไร้เหตุผล?  เมื่อใดกันที่เราได้ตำหนิพวกเจ้าต่อหน้าพวกเจ้า?  ไม่ใช่เพื่อประโยชน์แห่งงานของเราหรอกหรือที่เราไปหาพระบิดาของเราเพื่อปกป้องพวกเจ้าจากการทดลองทุกครั้ง?  เหตุใดพวกเจ้าจึงปฏิบัติต่อเราเช่นนี้?  เราได้เคยใช้สิทธิอำนาจของเราเพื่อทำร้ายเนื้อหนังของพวกเจ้าหรือไม่?  เหตุใดพวกเจ้าจึงตอบแทนเราเช่นนี้?  หลังจากการเปลี่ยนท่าทีเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายใส่เรา เจ้าก็ไม่ใช่ทั้งดีหรือร้าย และแล้วเจ้าก็พยายามที่จะป้อยอเราและซ่อนเร้นสิ่งทั้งหลายจากเรา และปากของเจ้าก็เต็มไปด้วยน้ำลายที่พวกคนไม่ชอบธรรมถ่มออกมา  พวกเจ้าคิดหรือว่าลิ้นของพวกเจ้าสามารถโกงวิญญาณของเราได้?  พวกเจ้าคิดหรือว่าลิ้นของพวกเจ้าสามารถหลีกหนีความโกรธของเราได้?  พวกเจ้าคิดหรือว่าลิ้นของพวกเจ้าอาจตัดสินกิจการของเรา พระยาห์เวห์ ในแบบใดก็ตามที่พวกเจ้าปรารถนาได้?  เราคือพระเจ้าที่มนุษย์ตัดสินกระนั้นหรือ?  เราจะสามารถยอมให้หนอนแมลงเล็กๆ ตัวหนึ่งหมิ่นประมาทเราเช่นนี้ได้หรือ?  เราจะสามารถวางลูกหลานแห่งการกบฏเช่นนี้ไว้ท่ามกลางพรนิรันดร์ของเราได้อย่างไร?  คำพูดและการกระทำของพวกเจ้านั้นได้เปิดโปงและประณามพวกเจ้ามานานแล้ว  เมื่อเราได้ขยายฟ้าสวรรค์ออกไปและสร้างทุกสรรพสิ่ง เราไม่ได้อนุญาตให้สิ่งมีชีวิตใดที่เราสร้างเข้าร่วมตามที่พวกเขาพึงพอใจ และนับประสาอะไรที่เราจะยินยอมให้สิ่งใดขัดขวางงานของเราและการบริหารจัดการของเรา ในแบบใดก็ตามที่มันปรารถนา  เราไม่ยอมผ่อนปรนต่อมนุษย์หรือวัตถุใด เราจะสามารถละเว้นพวกที่โหดร้ายและไร้เมตตาปรานีต่อเราได้อย่างไร?  เราจะสามารถให้อภัยพวกที่ทรยศถ้อยคำของเราได้อย่างไร?  เราจะสามารถละเว้นพวกที่กบฏต่อเราได้อย่างไร?  ลิขิตชีวิตของมนุษย์ไม่ได้อยู่ในมือของเรา องค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ หรอกหรือ?  เราจะสามารถพิจารณาว่าความไม่ชอบธรรมและความเป็นกบฏของเจ้านั้นบริสุทธิ์ได้อย่างไร?  บาปทั้งหลายของเจ้าจะสามารถทำให้ความบริสุทธิ์ของเรามัวหมองได้อย่างไร?  เราไม่ได้ถูกทำให้มัวหมองโดยความไม่บริสุทธิ์ของพวกคนอธรรม อีกทั้งเราก็ไม่ได้ชื่นชมเครื่องบูชาของพวกคนอธรรม  หากเจ้าจงรักภักดีต่อเรา พระยาห์เวห์ เจ้าจะสามารถนำเอาเครื่องสักการะที่แท่นบูชาของเราไปเป็นของตนเองได้หรือ?  เจ้าจะสามารถใช้ลิ้นพิษของเจ้าหมิ่นประมาทนามอันศักดิ์สิทธิ์ของเราได้หรือ?  เจ้าจะสามารถทรยศถ้อยคำของเราในหนทางนี้ได้หรือ?  เจ้าจะสามารถปฏิบัติต่อสง่าราศีและนามศักดิ์สิทธิ์ของเราดังเครื่องมือที่ใช้ในการรับใช้ซาตานมารร้ายได้หรือ?  ชีวิตของเราถูกจัดเตรียมมาเพื่อความชื่นชมยินดีของบรรดาผู้ที่บริสุทธิ์  เราจะสามารถยินยอมให้เจ้าเล่นกับชีวิตของเราในแบบใดก็ได้ตามที่เจ้าปรารถนา และใช้เป็นเครื่องมือเพื่อความขัดแย้งท่ามกลางพวกเจ้าเองได้อย่างไร?  พวกเจ้าจะสามารถไร้หัวใจ และขาดแคลนหนทางแห่งความดี ในวิธีที่เจ้าเป็นกับเราได้อย่างไร?  เจ้าไม่รู้หรอกหรือว่าเราได้เขียนการทำชั่วของพวกเจ้าในถ้อยคำแห่งชีวิตเหล่านี้ไว้แล้ว?  พวกเจ้าจะสามารถหลีกหนีวันแห่งความโกรธเมื่อเราตีสอนประเทศอียิปต์ได้อย่างไร?  เราจะสามารถยินยอมให้พวกเจ้าต่อต้านและกบฏต่อเราในหนทางนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าได้อย่างไร?  เราขอบอกพวกเจ้าอย่างชัดเจนว่า เมื่อวันนั้นมาถึง การตีสอนพวกเจ้าจะเป็นอย่างที่ไม่อาจทนได้ยิ่งกว่าของประเทศอียิปต์เสียอีก!  พวกเจ้าจะสามารถหลีกหนีวันแห่งความโกรธของเราได้อย่างไร?  เราขอบอกพวกเจ้าอย่างแท้จริงว่า ความอดกลั้นของเราได้ถูกตระเตรียมไว้สำหรับการทำชั่วทั้งหลายของพวกเจ้า และมีไว้เพื่อการตีสอนพวกเจ้าในวันนั้น  พวกเจ้าไม่ใช่พวกที่จะต้องทนทุกข์กับการพิพากษาอันโกรธเกรี้ยว ทันทีที่เราได้ไปถึงจุดสิ้นสุดของความอดกลั้นของเราแล้วหรอกหรือ?  ทุกสรรพสิ่งไม่ได้อยู่ในมือของเรา องค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ หรอกหรือ?  เราจะสามารถยินยอมให้พวกเจ้ากบฏต่อเราเช่นนี้ ภายใต้ฟ้าสวรรค์ได้อย่างไร?  ชีวิตของพวกเจ้าจะยากมากเพราะพวกเจ้าได้พบกับพระเมสสิยาห์แล้ว ซึ่งได้มีการกล่าวไว้ว่าพระองค์จะเสด็จมา แต่ก็ยังไม่เคยเสด็จมา  พวกเจ้าไม่ใช่ศัตรูของพระองค์หรอกหรือ?  พระเยซูได้ทรงเป็นเพื่อนกับพวกเจ้าแล้ว แต่พวกเจ้าก็เป็นศัตรูของพระเมสสิยาห์  พวกเจ้าไม่รู้หรอกหรือว่า ถึงแม้พวกเจ้าจะเป็นเพื่อนกับพระเยซู แต่การทำชั่วของพวกเจ้าก็ได้เติมเต็มภาชนะของพวกที่น่ารังเกียจเหล่านั้นแล้ว?  แม้ว่าพวกเจ้าใกล้ชิดกับพระยาห์เวห์มาก แต่พวกเจ้าไม่รู้หรอกหรือว่า คำพูดชั่วของพวกเจ้าได้ไปถึงพระกรรณของพระยาห์เวห์และยั่วยุพระพิโรธของพระองค์แล้ว?  พระองค์จะสามารถใกล้ชิดเจ้าได้อย่างไร และพระองค์จะไม่สามารถเผาภาชนะเหล่านั้นของเจ้า ซึ่งถูกเติมเต็มด้วยการทำชั่วได้อย่างไร?  พระองค์จะไม่สามารถเป็นศัตรูของเจ้าได้อย่างไร?

ก่อนหน้า:  เมื่อใบไม้ที่ร่วงหล่นกลับคืนสู่รากของพวกมัน เจ้าจะเสียใจกับความชั่วทั้งหมดที่เจ้าทำลงไป

ถัดไป:  พระผู้ช่วยให้รอดได้เสด็จกลับมาบน “เมฆขาว” แล้ว

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 6) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 7) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 8) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 9) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

Connect with us on Messenger