เส้นทาง… (2)

พี่น้องชายหญิงของพวกเราอาจมีแนวความคิดอยู่บ้างในเรื่องลำดับ ขั้นตอน และวิธีการทั้งหลายของพระราชกิจของพระเจ้าในจีนแผ่นดินใหญ่ แต่เราก็ยังคงคิดว่าเป็นการคุ้มค่าที่จะมองย้อนกลับไปดูสิ่งเหล่านี้ หรือให้ข้อสรุปคร่าวๆ แก่พวกเจ้า  เราแค่จะใช้โอกาสเหมาะนี้กล่าวสิ่งที่อยู่ในหัวใจของเรา และเราจะไม่พูดถึงเรื่องทั้งหลายที่นอกเหนือไปจากพระราชกิจนี้  เราหวังให้พี่น้องชายหญิงสามารถเข้าใจอารมณ์ของเราได้ และเราร้องขออย่างถ่อมใจเช่นกันให้คนเหล่านั้นทั้งหมดที่อ่านวจนะของเราเข้าใจและยกโทษให้กับวุฒิภาวะอันน้อยนิดของเรา และประสบการณ์ชีวิตของเราที่ไม่มากพอ และการที่เราไร้ความสามารถในอันที่จะเชิดศีรษะของเราให้สูงไว้เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า  กระนั้นก็ตาม สำนึกรับรู้ของเราก็คือ สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเหตุผลที่ว่าไปตามข้อเท็จจริง  กล่าวโดยย่อก็คือ ไม่ว่าอะไรก็ตาม ไม่มีบุคคลใด เหตุการณ์ใด หรือสิ่งใดที่สามารถหยุดพวกเราจากการสามัคคีธรรมเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าได้ และเราหวังว่าพี่น้องชายหญิงของพวกเราจะสามารถเข้าร่วมกับเราในการทำงานให้หนักขึ้นเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า  เราประสงค์ที่จะมอบถวายคำอธิษฐานต่อไปนี้ที่ว่า  “โอ้พระเจ้า!  ขอทรงมีพระกรุณาต่อพวกเรา เพื่อที่ข้าพระองค์และพี่น้องชายหญิงของข้าพระองค์อาจดิ้นรนต่อสู้ไปด้วยกันภายใต้อำนาจครอบครองแห่งอุดมคติเดียวกันของพวกเรา สัตย์ซื่อต่อพระองค์จวบจนวันตาย และจะไม่มีวันเสียใจเลย!”  คำพูดเหล่านี้คือปณิธานของเราเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า แต่ก็อาจกล่าวได้ด้วยว่า คำพูดเหล่านี้คือคำขวัญของตัวเราเอง ในฐานะที่เป็นบุคคลที่มีเนื้อหนังผู้ซึ่งพระเจ้าทรงใช้  เราได้แบ่งปันคำพูดเหล่านี้ในสามัคคีธรรมกับพี่น้องชายหญิงผู้อยู่ข้างกายเราหลายต่อหลายครั้ง และเราได้มอบคำพูดเหล่านี้เป็นข่าวสารแก่คนเหล่านั้นผู้อยู่เคียงข้างเรา  เราไม่รู้ว่าผู้คนคิดอะไรกับคำพูดเหล่านี้ แต่ไม่ว่าอะไรก็ตาม เราเชื่อว่าคำพูดเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีแง่มุมของความพยายามที่มาจากมุมมองส่วนตัว ทว่าที่มากกว่านั้นก็คือ คำพูดเหล่านั้นยังบรรจุแง่มุมของทฤษฎีที่ว่าไปตามข้อเท็จจริงอีกด้วย  เพราะการนี้นี่เอง จึงเป็นไปได้ที่บางคนมีความคิดเห็นเฉพาะบางอย่าง และอาจเป็นการดีสำหรับเจ้าที่จะนำเอาคำพูดเหล่านี้ไปเป็นคำขวัญของเจ้าและมองเห็นว่าแรงขับเคลื่อนของเจ้าในการที่จะรักพระเจ้านั้นกลับกลายเป็นยิ่งใหญ่เพียงใด  ผู้คนบางคนจะพัฒนามโนคติอันหลงผิดบางอย่างขึ้นมาเมื่อพวกเขาอ่านคำพูดเหล่านี้ และคิดว่า “สิ่งที่กล่าวกันเป็นปกติทุกวันจะสามารถมอบแรงขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่ให้ผู้คนรักพระเจ้าไปจนวันตายได้อย่างไรกัน?  และมันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยกับหัวข้อที่เรากำลังเสวนากันเรื่อง  ‘เส้นทาง’”  เรายอมรับว่าคำพูดเหล่านี้อาจไม่จับใจเป็นพิเศษ แต่เราคิดอยู่เสมอตลอดมาว่ามันสามารถนำผู้คนให้อยู่บนร่องครรลองที่ถูกต้องได้ และเปิดโอกาสให้พวกเขาก้าวผ่านการทดสอบทุกประเภทตามเส้นทางแห่งความเชื่อในพระเจ้าได้โดยไม่ถอดใจหรือหันหลังกลับ  นี่คือเหตุผลที่เราปฏิบัติต่อคำพูดเหล่านี้ดั่งเป็นคำขวัญของเราเสมอ  เราหวังว่าผู้คนจะคิดทบทวนถึงคำพูดเหล่านี้อย่างรอบคอบเช่นกัน  อย่างไรก็ตาม เจตนาของเรามิใช่เพื่อบังคับให้ทุกคนยอมรับทรรศนะของตัวเราเอง—นี่เป็นเพียงข้อเสนอแนะ  ไม่สำคัญว่าผู้คนอื่นๆ จะคิดถึงเราอย่างไร เราก็คิดว่าพระเจ้าเข้าพระทัยพลังขับเคลื่อนภายในที่อยู่ในพวกเราแต่ละคนทุกคน  พระเจ้ากำลังทรงพระราชกิจในพวกเราแต่ละคนทุกคนอยู่เนืองนิตย์ และพระราชกิจของพระองค์ไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อย  เพราะพวกเราทุกคนล้วนถือกำเนิดในประเทศแห่งพญานาคใหญ่สีแดง พระองค์จึงทรงพระราชกิจด้วยหนทางนี้ในพวกเรา  บรรดาผู้ที่ถือกำเนิดในประเทศแห่งพญานาคใหญ่สีแดงนั้นวาสนาดีที่ได้รับพระราชกิจนี้แห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์  ในฐานะที่เป็นหนึ่งในพวกเขา เรามีสำนึกอันยิ่งใหญ่ถึงความเป็นที่รัก ความควรค่าต่อการนับถือ และความน่ารักชื่นชมของพระเจ้า  นี่คือการที่พระเจ้าทรงดูแลพวกเรา  การที่จักรวรรดิของชนชั้นต่ำที่ล้าหลัง เป็นจารีตนิยม เป็นลัทธิศักดินา มีความเชื่อเหนือธรรมชาติ และต่ำช้าเยี่ยงนี้สามารถได้รับพระราชกิจจากพระเจ้านั้น แสดงให้เห็นว่า พวกเราผู้คนกลุ่มนี้ในยุคสุดท้ายได้รับการทรงอวยพรมากมายเพียงใด  เราเชื่อว่าพี่น้องชายหญิงทุกคนผู้ที่ดวงตาฝ่ายจิตวิญญาณของพวกเขาได้รับการเปิดให้เห็นพระราชกิจนี้จะร่ำไห้หลั่งน้ำตาด้วยความชื่นบานยินดีอันเป็นผลลัพธ์จากการนั้น  และเมื่อถึงเวลานั้น เจ้าจะไม่แสดงตัวเจ้าเองเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าโดยการเต้นรำด้วยความชื่นบานยินดีหรอกหรือ?  เจ้าจะไม่มอบถวายบทเพลงในหัวใจของเจ้าแด่พระเจ้าหรอกหรือ?  ณ เวลานั้นเจ้าจะไม่แสดงให้เห็นความแน่วแน่ของเจ้าต่อพระเจ้าและสร้างแผนการอีกอย่างขึ้นมาเฉพาะพระพักตร์พระองค์หรอกหรือ?  เราคิดว่าทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผู้คนปกติซึ่งเชื่อในพระเจ้าควรทำ  ในฐานะมนุษย์ เราเชื่อว่าพวกเราทุกคนควรมีการแสดงออกบางอย่างเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า  นี่คือสิ่งที่บุคคลซึ่งมีความรู้สึกควรทำ  เมื่อดูที่ขีดความสามารถของทุกคนท่ามกลางพวกเรา และดูที่ซึ่งพวกเราถือกำเนิดมา ก็แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงสู้ทนการดูถูกเหยียดหยามมากมายเพียงใดเพื่อเสด็จมาอยู่ท่ามกลางพวกเรา  พวกเราอาจมีความรู้บางอย่างเกี่ยวกับพระเจ้าภายในตัวพวกเรา แต่สิ่งที่พวกเรารู้จริงๆ—ว่าพระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ยิ่งนัก ทรงสูงสุดยิ่งนัก และทรงพระเกียรติยิ่งนัก—นั้นก็เพียงพอที่จะเน้นให้เห็นเด่นชัดว่าความทุกข์ของพระองค์ท่ามกลางมวลมนุษย์นั้นใหญ่หลวงเพียงใด  ทว่าวาจาเหล่านี้ของเราก็ยังคงคลุมเครือ และผู้คนสามารถเพียงแต่ปฏิบัติต่อวาจาเหล่านี้เสมือนเป็นคำพูดและคำสอนเท่านั้น  เพราะผู้คนที่อยู่ในท่ามกลางพวกเรานั้นด้านชาและปัญญาทึบเกินไป  ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงมีตัวเลือกเดียวคือใช้ความพยายามมากขึ้นเพื่ออธิบายประเด็นปัญหานี้แก่บรรดาพี่น้องชายหญิงเหล่านั้นทุกคนผู้ซึ่งจะยอมรับมัน เพื่อให้พระวิญญาณของพระเจ้าสามารถดลจิตวิญญาณของพวกเราได้  ขอพระเจ้าทรงเปิดดวงตาฝ่ายจิตวิญญาณของพวกเรา เพื่อที่พวกเราอาจมองเห็นราคาที่พระเจ้าได้ทรงจ่ายไป ความพยายามที่พระองค์ได้ทรงกระทำ และพลังงานที่พระองค์ได้ทรงใช้ไปเพื่อพวกเรา

ในฐานะหนึ่งในคนเหล่านั้นในจีนแผ่นดินใหญ่ผู้ซึ่งได้ยอมรับพระวิญญาณของพระเจ้าแล้ว เรามีสำนึกรับรู้ที่ลึกซึ้งว่าขีดความสามารถของเรายังขาดพร่องเพียงใด  (เราหวังว่าพี่น้องชายหญิงของเราจะไม่รู้สึกในทางลบเพราะเรื่องนี้—นี่คือความเป็นจริงของสถานการณ์)  ในชีวิตที่สัมพันธ์กับชีวิตจริงของเรา เราได้มองเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าสิ่งที่พวกเรามีและเป็นนั้นล้าหลังเป็นอย่างมากทั้งสิ้น  ในด้านที่เกี่ยวกับแง่มุมสำคัญนั้น เป็นเรื่องของวิธีที่พวกเราประพฤติตัวของพวกเราเองในชีวิตของพวกเราและในสัมพันธภาพของพวกเรากับพระเจ้า และในด้านที่เกี่ยวกับแง่มุมที่สำคัญรองลงไปนั้น ก็คือทุกๆ แนวคิดและความคิดของพวกเรา  เหล่านี้ทั้งหมดคือสรรพสิ่งซึ่งดำรงอยู่ตามความเป็นจริง และยากที่จะปกปิดไว้ได้ด้วยคำพูดหรือความจอมปลอม  ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อเรากล่าวสิ่งนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ผงกศีรษะของพวกเขาและยอมรับมัน และเชื่อมั่นไปกับมัน นอกเสียจากว่าพวกเขาขาดเหตุผลที่เป็นปกติ กล่าวคือ ผู้คนเช่นนั้นที่ไม่สามารถยอมรับทรรศนะเหล่านี้ของเราได้  บางทีเราอาจจะไม่สุภาพเกินไป กับการที่อ้างอิงถึงผู้คนเหล่านี้อย่างโจ่งแจ้งว่าเป็นสัตว์เดียรัจฉานที่แท้จริง  นั่นเป็นเพราะในประเทศแห่งพญานาคใหญ่สีแดงนั้น พวกเขาคือพวกที่ต่ำที่สุดในความต่ำ เหมือนสุกรหรือสุนัข  ไม่มีใครที่ขาดพร่องขีดความสามารถไปมากกว่านี้แล้ว พวกเขาไม่ควรค่าที่จะมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า  บางทีอาจเป็นได้ว่าคำพูดของเรา “เหิมเกริม” เกินไป  ในการเป็นตัวแทนพระวิญญาณของพระเจ้าผู้ซึ่งกำลังทรงพระราชกิจในตัวเรานั้น เราสาปแช่งสิ่งทรงสร้างที่โสมมเหมือนสัตว์เดียรัจฉานประเภทนี้ และเราหวังว่าพี่น้องชายหญิงของเรานั้นไม่ถูกการนี้ทำให้อ่อนแอลง  เป็นไปได้ว่าไม่มีคนแบบนั้นอยู่ท่ามกลางพวกเรา แต่ไม่สำคัญว่าความจริงเป็นอย่างไร เราเชื่อว่านี่คือวิธีที่ผู้คนเช่นนั้นควรได้รับการปฏิบัติ  เจ้าคิดว่าอย่างไรหรือ?

จักรวรรดิแห่งพญานาคใหญ่สีแดงยืนยาวมาเป็นเวลาหลายพันปี และเป็นจักรวรรดิที่ต่ำช้ามาโดยตลอด—และเพราะมันได้ต้านทานพระเจ้ามาตลอดเวลานี้ มันจึงได้พบกับคำสาปแช่งและพระพิโรธของพระเจ้า ซึ่งการตีสอนของพระเจ้าได้ตามมาหลังจากนั้น  เมื่อถูกสาปแช่งจากพระเจ้า ประเทศนี้จึงได้ทนทุกข์กับการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติมาโดยตลอด และยังคงอยู่ในสภาวะของความล้าหลัง  ประเทศที่พวกเราถือกำเนิดมานั้นคับคั่งไปด้วยปีศาจโสมมทุกลักษณะอันเป็นผลให้การวิ่งไล่ตามเสาะหาอำนาจการปกครองของพวกมันนั้นไร้การควบคุม—ซึ่งก็หมายความว่าพวกมันสร้างความเปรอะเปื้อนให้กับบรรดาผู้ที่ถือกำเนิดที่นี่  นิสัย ประเพณี แนวคิดและมโนทัศน์ทั้งหลายของผู้คนนั้นล้าหลังและไม่ทันสมัย ดังนั้น พวกเขาจึงก่อเกิดมโนคติอันหลงผิดทุกชนิดเกี่ยวกับพระเจ้า ซึ่งจนถึงตอนนี้แล้วพวกเขาก็ยังไม่สามารถสลัดให้หลุดออกไปได้  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเขาปฏิบัติตนแบบหนึ่งเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า และอีกแบบหนึ่งลับหลังพระองค์ โดยเข้าใจผิดว่าการสักการะบูชาซาตานเป็นการรับใช้พระเจ้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาล้าหลังมากที่สุดในบรรดาคนทั้งหมด  พระเจ้าได้ทรงดำเนินพระราชกิจมามากมายยิ่งนักในจีนแผ่นดินใหญ่ และได้ตรัสพระวจนะของพระองค์มามากมายยิ่งนักแล้ว แต่ผู้คนก็ยังคงด้านชาและไม่แยแสอย่างถึงที่สุด พวกเขายังคงทำงานที่พวกเขาได้ทำมาก่อนหน้านี้ และพวกเขาไม่มีความเข้าใจในพระวจนะของพระเจ้าเลยโดยสิ้นเชิง  เมื่อพระเจ้าได้ทรงกล่าวประกาศว่า ไม่มีอนาคตและไม่มีความหวัง คริสตจักรที่เคยมีชีวิตอยู่กับความร้อนของฤดูร้อนกลับตกไปอยู่ในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บทันทีทันใด  ตัวตนที่แท้จริงของผู้คนได้ถูกเปิดโปงต่อความสว่างแห่งเวลากลางวัน และความมั่นใจ ความรักและความแข็งแกร่งก่อนหน้านี้ของพวกเขาได้ปลาสนาการไปโดยไร้ร่องรอย  และวันนี้ ยังไม่มีพวกเขาคนใดที่ได้ฟื้นคืนพลังชีวิตของพวกเขาเลย  พวกเขากล่าวด้วยวาจาของพวกเขาว่าพวกเขารักพระเจ้า และถึงแม้ว่าพวกเขาไม่กล้าพร่ำบ่นร้องทุกข์ในหัวใจของพวกเขา ไม่ว่าอะไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่มีความรักนั้นอยู่ดี  นั่นเกี่ยวกับอะไรเล่า?  เราคิดว่าพี่น้องชายหญิงของเราจะยอมรับรู้ข้อเท็จจริงนี้  ขอพระเจ้าทรงมอบความรู้แจ้งแก่พวกเรา เพื่อให้พวกเราทุกคนสามารถรู้ถึงความน่ารักชื่นชมของพระองค์ รักพระเจ้าของพวกเราจากส่วนลึกของหัวใจของพวกเรา และแสดงออกถึงความรักที่พวกเราทุกคนมีต่อพระเจ้าในสถานภาพที่แตกต่างกันไปของพวกเรา ขอพระเจ้าทรงมอบหัวใจอันไม่หักเหที่มีความรักจริงใจต่อพระองค์ให้แก่พวกเรา—นี่คือสิ่งที่เราหวังไว้  เมื่อได้กล่าวสิ่งนี้ไปแล้ว เราก็รู้สึกเห็นใจพี่น้องชายหญิงของเราอยู่พอสมควรทีเดียว ที่พวกเขาต้องถือกำเนิดมาในแผ่นดินอันโสมมนี้ด้วยเช่นกัน และด้วยเหตุนี้เอง ความเกลียดชังต่อพญานาคใหญ่สีแดงจึงได้เติบโตขึ้นภายในตัวเรา  มันขัดขวางหัวใจที่รักพระเจ้าของพวกเราและชักนำให้พวกเราเกิดความโลภต่อความสำเร็จที่คาดว่าน่าจะเป็นไปได้ในอนาคตของพวกเรา  มันทดลองใจพวกเราให้คิดลบ ให้ต้านทานพระเจ้า  เป็นพญานาคใหญ่สีแดงนี่เองที่ได้ชักพาพวกเราให้หลงผิด ทำให้พวกเราเสื่อมทราม และผลาญทำลายพวกเรามาจนกระทั่งบัดนี้ จนถึงจุดที่พวกเราไม่สามารถชดใช้คืนความรักของพระเจ้าด้วยหัวใจของพวกเราได้  พวกเรามีแรงขับเคลื่อนในหัวใจของพวกเรา ทว่าทั้งที่ตัวพวกเราเองเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ยังคงไร้ซึ่งอำนาจ  พวกเราทุกคนเป็นเหยื่อของมัน  เพราะเหตุผลนี้เอง เราจึงเกลียดชังมันจนเข้าไส้ และเราคอยไม่ไหวที่จะทำลายล้างมัน  อย่างไรก็ตาม เมื่อเราคิดอีกครั้ง นี่คงไม่เป็นประโยชน์อันใด และคงมีแต่จะนำพาความเดือดร้อนมาสู่พระเจ้าเท่านั้น เราจึงกลับมาที่คำพูดเหล่านี้—เรากำหนดหัวใจของเราที่จะทำตามน้ำพระทัยของพระองค์—ซึ่งก็คือการรักพระเจ้า  นี่คือเส้นทางที่เรากำลังดำเนินไป—มันคือเส้นทางที่เราผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่ทรงสร้างของพระองค์ควรเดิน  นี่คือวิธีที่เราควรใช้ชีวิตของเรา  เหล่านี้คือคำพูดจากหัวใจของเรา และเราหวังว่าพี่น้องชายหญิงของเราจะได้รับความหนุนใจบ้างหลังจากการอ่านคำพูดเหล่านี้ เพื่อให้หัวใจของเราสามารถได้รับสันติสุขบ้าง  ด้วยว่าเป้าหมายของเรานั้นก็คือการทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า และด้วยเหตุนี้จึงใช้ชีวิตที่เรืองรองและโชติช่วงไปด้วยความหมาย  ในการนี้ เราจะสามารถตายไปโดยไม่มีความเสียใจ ด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความปลาบปลื้มยินดีและความชูใจ  เจ้าอยากทำเช่นนั้นหรือไม่?  เจ้าเป็นใครคนหนึ่งที่มีปณิธานประเภทนั้นหรือไม่?

การที่พระเจ้าทรงสามารถทรงพระราชกิจในสิ่งซึ่งเรียกกันว่า “มนุษย์ผู้เจ็บป่วยแห่งเอเชียตะวันออก” ได้นั้น คือมหิทธานุภาพของพระองค์  นั่นคือความถ่อมใจพระองค์และความซ่อนเร้นของพระองค์  พวกเราจึงควรสรรเสริญพระองค์จากก้นบึ้งของหัวใจของพวกเราสำหรับความถ่อมใจของพระองค์และรักพระองค์เพราะการนี้ไปจวบจนปลายทางสุดท้าย โดยไม่คำนึงถึงพระวจนะอันเกรี้ยวกราดและการตีสอนของพระองค์ที่มีต่อพวกเรา  ผู้คนที่ถูกซาตานพันธนาการไว้เป็นเวลาหลายพันปีได้ดำรงชีวิตต่อเนื่องมาภายใต้อิทธิพลของมันและยังหาได้โยนมันทิ้งไปไม่  พวกเขาได้ควานหาและดิ้นรนต่อเนื่องมาอย่างขมขื่น  ในอดีตนั้น พวกเขาจะจุดธูปและก้มคำนับ และสักการะบูชาซาตาน และพวกเขาถูกพันธนาการอย่างแน่นหนาไว้กับครอบครัวและความพัวพันทางโลกียวิสัย รวมทั้งการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม  พวกเขาไม่สามารถที่จะโยนสิ่งเหล่านั้นทิ้งไปได้  ในสังคมประเภทชิงดีชิงเด่นเยี่ยงนี้ ที่ใดหรือ ที่ใครคนใดสามารถค้นพบชีวิตอันเปี่ยมความหมายได้?  สิ่งที่ผู้คนเล่าขานบอกต่อกันก็คือชีวิตแห่งความทุกข์ และโชคดีที่พระเจ้าได้ทรงช่วยผู้คนซึ่งไร้ความผิดเหล่านี้ให้รอด โดยการวางชีวิตของพวกเราไว้ภายใต้การดูแลและการอารักขาของพระองค์ เพื่อให้ชีวิตของพวกเรานั้นเปี่ยมด้วยความชื่นบานยินดีและไม่เต็มไปด้วยความกังวลอีกต่อไป  พวกเราได้ดำรงชีวิตอยู่ภายใต้พระคุณของพระองค์ต่อเนื่องมาตราบจนวันนี้  นี่มิใช่พระพรของพระเจ้าหรอกหรือ?  ใครบางคนสามารถใจกล้าสร้างข้อเรียกร้องอันเลยเถิดจากพระเจ้าได้อย่างไรกัน?  พระองค์ทรงให้แก่พวกเรามาน้อยนิดยิ่งนักอย่างนั้นหรือ?  พวกเจ้ายังคงไม่พึงพอใจหรือ?  เราคิดว่าถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะชดใช้คืนความรักของพระเจ้า  พวกเราอาจทนทุกข์ไม่น้อยจากการเยาะเย้ย การใส่ร้ายป้ายสีและการข่มเหง เพราะพวกเราติดตามเส้นทางแห่งความเชื่อในพระเจ้า แต่เราเชื่อว่านี่คือสิ่งที่เปี่ยมความหมาย  มันเป็นสิ่งที่เป็นสง่าราศี ไม่ใช่ความอัปยศอดสู และไม่ว่าอะไรก็ตาม หลายสิ่งหลายอย่างนั้นคือพระพรที่พวกเราชื่นชมยินดี  ในความผิดหวังนับครั้งไม่ถ้วนนั้น พระวจนะของพระเจ้าได้นำพาความชูใจมาให้ และก่อนที่พวกเราจะทันรู้ตัว ความโศกเศร้าได้กลับกลายเป็นความชื่นบานยินดี ในความต้องการที่จำเป็นนับครั้งไม่ถ้วนนั้น พระเจ้าได้ทรงนำพาพระพรมาให้ และพวกเราก็ได้รับการจัดเตรียมโดยผ่านทางพระวจนะของพระองค์  ในยามเจ็บป่วยนับครั้งไม่ถ้วนนั้น พระวจนะของพระเจ้าได้นำพาชีวิตมาให้—พวกเราได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระจากภยันตราย และได้เปลี่ยนภยันตรายนั้นให้เป็นความปลอดภัย  พวกเจ้าได้ชื่นชมยินดีกับสิ่งทั้งหลายเช่นนี้มาแล้วมากมายยิ่งนักโดยที่ไม่ได้ตระหนักถึงมัน  เจ้าจดจำการนี้ไม่ได้เลยหรือ?

ก่อนหน้า:  เส้นทาง… (1)

ถัดไป:  เส้นทาง… (3)

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 6) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 7) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 8) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 9) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

Connect with us on Messenger