เจ้าควรแสวงหาหนทางแห่งการเข้ากันได้กับพระคริสต์

เราได้ทำงานไปมากมายท่ามกลางมนุษย์ ซึ่งระหว่างนั้นเราก็ได้แสดงวจนะไปมากมายด้วย  วจนะเหล่านี้ล้วนเป็นไปเพื่อความรอดของมนุษย์และแสดงไว้เพื่อที่มนุษย์อาจเข้ากับเราได้  อย่างไรก็ตาม เราได้รับผู้คนมาเพียงไม่กี่คนบนแผ่นดินโลกที่เข้ากันได้กับเรา และดังนั้นเราจึงกล่าวเลยว่ามนุษย์ไม่ได้มองเห็นคุณค่าแห่งวจนะของเรา—มันเป็นเพราะมนุษย์ไม่สามารถเข้ากันได้กับเรา  ในหนทางนี้ งานที่เราทำจึงไม่ได้เป็นเพียงเพื่อให้มนุษย์สามารถนมัสการเราได้ ที่สำคัญกว่านั้นคือเป็นไปเพื่อให้มนุษย์สามารถเข้ากันได้กับเรา  มนุษย์ผู้เคยประสบความเสื่อมทรามมีชีวิตในกับดักของซาตาน  พวกเขาล้วนมีชีวิตในเนื้อหนัง มีชีวิตในความอยากได้อยากมีที่เห็นแก่ตัวและไม่มีใครแม้แต่คนเดียวในหมู่พวกเขาที่เข้ากันได้กับเรา  มีพวกที่บอกว่าพวกเขาเข้ากันได้กับเรา แต่ผู้คนเช่นนี้ทั้งหมดนมัสการรูปเคารพที่คลุมเครือ  แม้ว่าพวกเขาจะยอมรับว่านามของเราบริสุทธิ์ แต่พวกเขาก็ย่ำไปในเส้นทางที่ไปตรงกันข้ามกับเรา และคำพูดของพวกเขาเต็มไปด้วยความโอหังและความมั่นใจในตนเอง  นี่เป็นเพราะว่าพวกเขาทั้งหมดต่อต้านเราโดยสันดานและเข้ากันไม่ได้กับเรา  ทุกวันพวกเขาแสวงหาร่องรอยต่างๆ ของเราในพระคัมภีร์และใช้การสุ่มค้นหาบทตอนที่ “เหมาะสม” ซึ่งพวกเขาอ่านอย่างไม่รู้จบและท่องจำเหมือนคัมภีร์ทั้งหลาย พวกเขาไม่รู้วิธีที่จะเข้ากันได้กับเราหรืออะไรคือความหมายของการต่อต้านเรา  พวกเขาแค่อ่านคัมภีร์ทั้งหลายไปอย่างมืดบอด  พวกเขาจำกัดพระเจ้าที่คลุมเครือซึ่งพวกเขายังไม่เห็นและไม่สามารถมองเห็นได้ภายในขอบเขตของพระคัมภีร์ และนำออกมาชมดูในเวลาว่างของพวกเขา  พวกเขาเชื่อในการดำรงอยู่ของเราภายในขอบเขตของพระคัมภีร์เท่านั้นและพวกเขาถือว่าเราเทียบเท่าพระคัมภีร์ กล่าวคือไม่มีพระคัมภีร์ไม่มีเราและไม่มีเราไม่มีพระคัมภีร์  พวกเขาไม่ใส่ใจต่อการดำรงอยู่หรือการกระทำของเรา แต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้นกลับอุทิศการให้ความสนใจอย่างที่สุดและเป็นพิเศษให้กับทุกๆ คำในพระคัมภีร์  ผู้คนอีกมากมายกว่านั้นถึงกับเชื่อว่าเราไม่ควรทำสิ่งใดก็ตามที่เราปรารถนาจะทำเว้นแต่จะถูกบอกไว้ล่วงหน้าโดยพระคัมภีร์  พวกเขาให้ความสำคัญกับพระคัมภีร์มากเกินไป  อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาเห็นความสำคัญของคำพูดที่เป็นตัวอักษรมากเกินไปจนถึงขอบข่ายที่พวกเขาจะใช้ข้อพระคัมภีร์จากพระคัมภีร์มาวัดทุกคำที่เราพูดและเพื่อกล่าวโทษเรา  สิ่งที่พวกเขาแสวงหาไม่ใช่หนทางแห่งการเข้ากันได้กับเราหรือหนทางแห่งการเข้ากันได้กับความจริง แต่เป็นหนทางแห่งการเข้ากันได้กับวจนะของพระคัมภีร์และพวกเขาเชื่อว่าสิ่งใดที่ไม่สอดคล้องกับพระคัมภีร์ไม่ใช่งานของเราโดยไม่มีข้อยกเว้น  ผู้คนเช่นนี้ไม่ใช่พงศ์พันธุ์ผู้เคร่งครัดต่อหน้าที่ของพวกฟาริสีหรอกหรือ?  พวกฟาริสีชาวยิวใช้ธรรมบัญญัติของโมเสสกล่าวโทษพระเยซู  พวกเขาไม่แสวงหาความเข้ากันได้กับพระเยซูในเวลานั้น แต่กลับถือธรรมบัญญัติแต่ละข้อด้วยความจริงจังเสียจน—หลังจากที่ได้กล่าวหาพระองค์ว่าไม่ทรงทำตามธรรมบัญญัติในพันธสัญญาเดิมและไม่ใช่พระเมสสิยาห์แล้ว—พวกเขาตอกตรึงพระเยซูผู้ไร้ความผิดเข้ากับกางเขนในท้ายที่สุด  อะไรคือเนื้อแท้ของพวกเขา?  การที่พวกเขาไม่แสวงหาหนทางที่เข้ากันได้กับความจริงมิใช่หรือ?  พวกเขาสนใจทุกคำในพระคัมภีร์เท่านั้น ไม่ใส่ใจเจตนารมณ์ของเรา หรือขั้นตอนและวิธีการในงานของเรา  พวกเขาไม่ใช่คนที่แสวงหาความจริง แต่เป็นคนที่ยึดติดกับถ้อยคำอย่างเคร่งครัด พวกเขาไม่ใช่คนที่เชื่อในพระเจ้า แต่เป็นคนที่เชื่อในพระคัมภีร์  กล่าวให้แหลมคมยิ่งขึ้นก็คือพวกเขาเป็นสุนัขเฝ้าพระคัมภีร์  เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพระคัมภีร์ เพื่อค้ำจุนความทรงเกียรติของพระคัมภีร์และเพื่อปกป้องเกียรติภูมิของพระคัมภีร์ พวกเขาถึงกับตอกตรึงพระเยซูผู้เปี่ยมพระกรุณาไว้กับกางเขน  พวกเขาทำเช่นนี้ก็เพียงเพื่อปกป้องพระคัมภีร์และธำรงสถานะที่ทุกคำในพระคัมภีร์มีอยู่ในหัวใจของผู้คน  พวกเขาจึงเลือกที่จะละทิ้งอนาคตของตนและเครื่องบูชาลบล้างบาปเพื่อกล่าวโทษพระเยซูผู้ไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติในพระคัมภีร์ให้สิ้นพระชนม์  พวกเขาทั้งหมดก็คือสมุนของทุกๆ คำในพระคัมภีร์มิใช่หรือ?

แล้วผู้คนในทุกวันนี้เล่า?  พวกเขาเลือกที่จะขับไล่พระคริสต์ผู้เสด็จมาเพื่อปลดปล่อยความจริง เพื่อที่พวกเขาจะได้เข้าสู่สวรรค์และได้รับพระคุณ  พวกเขาเลือกที่จะปฏิเสธการมาของความจริงอย่างสิ้นเชิงเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพระคัมภีร์ และพวกเขาเลือกที่จะตอกตรึงพระคริสต์ผู้เสด็จกลับมาเป็นเนื้อหนังบนกางเขนอีกครั้ง เพื่อให้มั่นใจในการดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์ของพระคัมภีร์  มนุษย์จะได้รับความรอดของเราได้อย่างไรในเมื่อหัวใจของเขามุ่งร้ายและธรรมชาติของเขาก็เป็นปฏิปักษ์ต่อเรายิ่งนัก  เรามีชีวิตท่ามกลางมนุษย์ แต่มนุษย์ก็ไม่รู้ถึงการดำรงอยู่ของเรา  เมื่อเราฉายความสว่างของเราไปยังมนุษย์ เขาก็ยังคงไม่รู้ถึงการดำรงอยู่ของเราอยู่ดี เมื่อเราปลดปล่อยความโกรธของเราใส่มนุษย์ เขาก็ยิ่งปฏิเสธการดำรงอยู่ของเรา  มนุษย์แสวงหาความเข้ากันได้กับถ้อยคำต่างๆ และความเข้ากันได้กับพระคัมภีร์ แต่ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวมาอยู่เบื้องหน้าเราเพื่อแสวงหาหนทางแห่งการเข้ากันได้กับความจริง  มนุษย์เงยหน้าขึ้นมองเราในสวรรค์และให้ความใส่ใจกับการดำรงอยู่ของเราในสวรรค์เป็นพิเศษ แต่กลับไม่มีใครสนใจเราในเนื้อหนังเลย เพราะเราผู้อยู่ท่ามกลางมนุษย์นั้นดูธรรมดาเกินไปจริงๆ  พวกที่แสวงหาเพียงความเข้ากันได้กับถ้อยคำในพระคัมภีร์และพวกที่แสวงหาเพียงความเข้ากันได้กับพระเจ้าที่คลุมเครือก็ล้วนต่ำต้อยในสายตาของเรา  นั่นเป็นเพราะว่าสิ่งที่พวกเขานมัสการคือคำที่ตายแล้วกับพระเจ้าที่มอบความมั่งคั่งเกินบรรยายให้พวกเขาได้ สิ่งที่พวกเขานมัสการคือพระเจ้าที่ยอมให้มนุษย์บงการตามอำเภอใจ—พระเจ้าที่ไม่มีอยู่จริง  แล้วผู้คนเช่นนี้จะสามารถได้รับอะไรจากเราเล่า?  มนุษย์นั้นต่ำต้อยเกินกว่าจะบรรยาย  พวกที่เป็นปฏิปักษ์ต่อเรา พวกที่เรียกร้องจากเราอย่างไร้ขีดจำกัด พวกที่ไม่มีความรักในความจริง พวกที่กบฏต่อเรา—พวกเขาจะสามารถเข้ากันได้กับเราได้อย่างไร?

พวกที่ต่อต้านเราคือพวกที่เข้ากันไม่ได้กับเรา  นี่ก็เป็นกรณีเดียวกันกับในหมู่พวกที่ไม่รักความจริง  พวกที่กบฏต่อเรานั้นยิ่งต่อต้านเราและเข้ากันไม่ได้กับเราเสียยิ่งกว่า  เราส่งพวกที่เข้ากันไม่ได้กับเราทั้งหมดไปสู่มือของมารร้ายและเรายกพวกเขาให้กับความเสื่อมทรามของมารร้าย ให้พวกเขามีอิสระเต็มที่ในการเปิดเผยความมุ่งร้ายของพวกเขาและท้ายที่สุด ก็ส่งมอบพวกเขาให้มารร้ายได้สวาปาม  เราไม่ใส่ใจว่ามีคนมากเท่าใดนมัสการเรา ซึ่งกล่าวอีกนัยหนึ่งคือเราไม่ใส่ใจว่ามีคนมากเท่าใดที่เชื่อในเรา  ทั้งหมดที่น่าเป็นห่วงสำหรับเราคือมีคนมากเท่าใดที่เข้ากันได้กับเรา  นั่นเป็นเพราะทุกคนที่เข้ากันไม่ได้กับเราเป็นพวกมารร้ายที่ทรยศเรา พวกเขาเป็นศัตรูของเราและเราจะไม่วางบรรดาศัตรูของเรา “ขึ้นแท่น” ในบ้านของเรา  บรรดาผู้ที่เข้ากันได้กับเราจะรับใช้เราไปตลอดกาลในบ้านของเราและพวกที่ต่อต้านเราจะต้องทนทุกข์ไปตลอดกาลกับการลงโทษของเรา  พวกที่ใส่ใจเพียงถ้อยคำในพระคัมภีร์เท่านั้นและไม่กังวลต่อทั้งความจริงและการแสวงหารอยเท้าของเรา—พวกเขาต่อต้านเราเพราะพวกเขาจำกัดเราตามขอบเขตของพระคัมภีร์ จำกัดเราไว้ภายในกรอบของพระคัมภีร์และดังนั้นจึงเป็นการหมิ่นประมาทเราจนถึงขีดสุด ผู้คนเช่นนี้จะสามารถมาอยู่เบื้องหน้าเราได้อย่างไร?  พวกเขาไม่ใส่ใจกิจการของเรา หรือเจตนารมณ์ของเรา หรือความจริง แต่กลับหมกมุ่นอยู่กับถ้อยคำทั้งหลายแทน—ถ้อยคำที่ทำให้ตาย  ผู้คนเช่นนี้จะสามารถเข้ากันกับเราได้อย่างไร?

เราได้แสดงวจนะออกไปมากมาย รวมทั้งได้แสดงเจตนารมณ์และอุปนิสัยของเราด้วย แต่ถึงกระนั้น ผู้คนก็ยังคงไม่สามารถรู้จักเราและเชื่อในเรา  หรืออาจกล่าวได้ว่าผู้คนยังคงไม่สามารถนบนอบเรา  พวกที่มีชีวิตอยู่ภายในพระคัมภีร์ พวกที่มีชีวิตอยู่ภายในธรรมบัญญัติ พวกที่มีชีวิตอยู่บนกางเขน พวกที่ดำเนินชีวิตตามข้อบังคับ พวกที่มีชีวิตอยู่ท่ามกลางงานที่เราทำในวันนี้—ใครหรือในหมู่พวกเขาที่เข้ากันได้กับเรา?  พวกเจ้าแค่คิดถึงการได้รับพรและบำเหน็จ แต่ไม่เคยคิดเลยแม้แต่น้อยว่าจะเข้ากับเราได้จริงๆ อย่างไร หรือจะกีดกันตัวเจ้าเองจากการต่อต้านเราได้อย่างไร  เราผิดหวังในตัวพวกเจ้าเหลือเกิน เพราะเราได้ให้พวกเจ้าไปมากมาย แต่เราได้รับมาจากพวกเจ้าน้อยยิ่งนัก  เล่ห์ลวงของพวกเจ้า ความโอหังของพวกเจ้า ความโลภของพวกเจ้า ความอยากได้อยากมีอันฟุ้งเฟ้อของพวกเจ้า การทรยศของพวกเจ้า การไม่เชื่อฟังของพวกเจ้า—มีสิ่งใดสามารถหนีพ้นการสังเกตของเรา?  พวกเจ้าสุกเอาเผากินกับเรา พวกเจ้าหลอกเรา พวกเจ้าดูถูกเรา พวกเจ้าโอ้โลมเรา พวกเจ้าบีบบังคับเราและขู่เข็ญเราให้พลีอุทิศ—ความมุ่งร้ายเช่นนี้จะสามารถหลบหลีกการลงโทษของเราไปได้อย่างไร?  การทำชั่วทั้งหมดนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่าเจ้าเป็นปฏิปักษ์ต่อเราและเป็นข้อพิสูจน์ความเข้ากันไม่ได้ของพวกเจ้ากับเรา พวกเจ้าแต่ละคนเชื่อว่าตัวพวกเจ้าเองเข้ากันได้กับเราเหลือเกิน แต่หากเป็นอย่างนั้นแล้วไซร้ หลักฐานที่แย้งไม่ขึ้นเช่นนี้จะนำไปใช้กับใครเล่า?  พวกเจ้าเชื่อว่าตัวพวกเจ้าเองมีความจริงใจและความจงรักภักดีจนถึงที่สุดต่อเรา  พวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้าใจดีเหลือเกิน มีความสงสารเห็นใจเหลือเกินและได้อุทิศให้กับเรามากเหลือเกิน  พวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้าได้ทำมามากเกินพอแล้วเพื่อเรา  แต่พวกเจ้าเคยเทียบเคียงสิ่งนี้กับบรรดาการกระทำของพวกเจ้าบ้างหรือไม่?  เราบอกเลยว่าพวกเจ้าโอหังมากเต็มที โลภมากเต็มที สุกเอาเผากินมากเต็มที เล่ห์เหลี่ยมสารพัดที่เจ้าใช้หลอกเรานั้นแยบยลมากเต็มที และเจ้ามีเจตนาที่น่าเหยียดหยามและวิธีการที่น่าเหยียดหยามมากมายเต็มที  ความจงรักภักดีของพวกเจ้าขาดแคลนเกินไป ความตั้งใจจริงของพวกเจ้าน้อยนิดเกินไปและมโนธรรมของพวกเจ้ายิ่งขาดพร่องเสียยิ่งกว่า  ในหัวใจของพวกเจ้ามีความมุ่งร้ายมากเกินไป และไม่มีใครเลยที่ได้รับการยกเว้นจากมัน แม้กระทั่งเรา  พวกเจ้าปิดกั้นเราเพื่อประโยชน์ของลูกหลานของเจ้าหรือสามีของเจ้าหรือการเอาตัวรอดของเจ้า  แทนที่จะห่วงใยเรา เจ้าห่วงใยครอบครัวของพวกเจ้า ลูกหลานของพวกเจ้า สถานะของพวกเจ้า อนาคตของพวกเจ้า และความปลาบปลื้มยินดีของพวกเจ้าเอง เมื่อใดเล่าที่พวกเจ้าเคยนึกถึงเราในขณะที่พวกเจ้าพูดหรือทำอะไร?  ในวันที่หนาวจัด ความคิดของพวกเจ้าหันไปหาลูกหลาน สามี ภรรยาหรือบิดามารดาของพวกเจ้า  ในวันที่ร้อนระอุ ก็ไม่มีที่ให้เราอยู่ในความคิดของพวกเจ้าเลยเช่นกัน  เมื่อเจ้าปฏิบัติหน้าที่ของเจ้า เจ้ากำลังนึกถึงผลประโยชน์ของตนเอง คิดถึงความปลอดภัยส่วนบุคคลของเจ้าเอง คิดถึงบรรดาสมาชิกในครอบครัวของเจ้า  เจ้าเคยได้ทำสิ่งใดที่เป็นไปเพื่อเราหรือ?  คราใดหรือที่เจ้าเคยนึกถึงเรา?  เมื่อใดหรือที่เจ้าเคยอุทิศตนเองอย่างเต็มกำลังให้กับเราและงานของเรา?  หลักฐานของความเข้ากันได้กับเราของเจ้าอยู่ที่ใด?  ความเป็นจริงแห่งความจงรักภักดีของเจ้าที่มีต่อเราอยู่ที่ใด?  ความเป็นจริงแห่งการนบนอบเราของเจ้าอยู่ที่ใด?  คราใดหรือที่พวกเจ้าไม่มีเจตนาที่จะได้รับพรของเรา?  พวกเจ้าเล่นตลกและหลอกลวงเรา พวกเจ้าล้อเล่นกับความจริง เจ้าปกปิดการดำรงอยู่ของความจริงและทรยศต่อแก่นแท้ของความจริง  อะไรหรือที่รอพวกเจ้าอยู่ในอนาคตจากการต่อต้านเราเช่นนี้?  พวกเจ้าเพียงแสวงหาความเข้ากันได้กับพระเจ้าที่คลุมเครือและเพียงแสวงหาความเชื่อที่คลุมเครือ แต่เจ้าไม่สามารถเข้ากันได้กับพระคริสต์  ความมุ่งร้ายของเจ้าจะไม่นำมาซึ่งการลงทัณฑ์อันสาสมแบบเดียวกันกับที่ความชั่วสมควรได้รับหรอกหรือ?  ในเวลานั้นพวกเจ้าจะตระหนักว่าไม่มีใครที่เข้ากันไม่ได้กับพระคริสต์สามารถหลีกหนีวันแห่งพระพิโรธไปได้ และพวกเจ้าจะค้นพบว่าผลการกระทำอันสาสมที่จะทรงกระทำต่อพวกที่ต่อต้านพระคริสต์นั้นเป็นแบบใด  เมื่อวันนั้นมาถึง ความฝันของพวกเจ้าที่จะได้รับพรสำหรับความเชื่อในพระเจ้าของพวกเจ้าและที่จะได้รับทางเข้าสู่สวรรค์นั้นจะแตกกระจายไปทั้งหมด  อย่างไรก็ตาม มันจะไม่เป็นเช่นนั้นสำหรับบรรดาผู้ที่เข้ากันได้กับพระคริสต์  แม้ว่าพวกเขาได้สูญเสียไปมาก แม้ว่าพวกเขาจะทนทุกข์กับความยากลำบากมากมาย แต่พวกเขาจะได้รับมรดกทั้งหมดที่เรายกให้กับมวลมนุษย์  ในท้ายที่สุด พวกเจ้าจะเข้าใจว่าลำพังเราเท่านั้นที่เป็นพระเจ้าผู้ชอบธรรม และลำพังเราเท่านั้นที่สามารถพามวลมนุษย์ไปสู่บั้นปลายอันสวยงามของเขาได้

ก่อนหน้า:  ผู้ที่ถูกเรียกมีมากมาย แต่ผู้ที่ถูกเลือกมีเพียงนิดเดียว

ถัดไป:  เจ้าเป็นผู้เชื่อในพระเจ้าที่แท้จริงหรือไม่?

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 6) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 7) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 8) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 9) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

Connect with us on Messenger