บทที่ 116

ท่ามกลางวจนะของเรา มีหลายวจนะที่ทำให้ผู้คนหวาดหวั่น  วจนะจำนวนมากของเราทำให้ผู้คนสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว และวจนะจำนวนมากของเราทำให้ผู้คนทนทุกข์และสูญเสียความหวัง และยิ่งกว่านั้นก่อให้เกิดการทำลายล้างของผู้คน  ไม่มีใครสามารถหยั่งลึกความอุดมแห่งวจนะของเราหรือจับความเข้าใจมันได้อย่างชัดเจน  เมื่อเราบอกวจนะของเราแก่พวกเจ้าและเปิดเผยวจนะต่อพวกเจ้าทีละประโยคเท่านั้นนั่นเอง พวกเจ้าจึงจะเรียนรู้สภาวะทั่วไปของกิจการทั้งหลาย ในขณะที่ยังคงไม่ชัดเจนเกี่ยวกับโฉมหน้าที่แท้จริงของข้อเท็จจริงที่เฉพาะเจาะจง  ด้วยเหตุนี้ เราจะใช้ข้อเท็จจริงทั้งหลายเปิดเผยวจนะทั้งหมดของเรา ด้วยผลจากการนั้นก็จะเปิดโอกาสให้พวกเจ้าได้รับความเข้าใจที่ยิ่งใหญ่กว่า  เมื่อพิจารณาสำนวนวาทะของเรา เราไม่ได้กำลังกล่าวด้วยวจนะของเราเท่านั้น แต่ที่มากยิ่งกว่านั้นอีกคือ เรากำลังกระทำการด้วยวจนะของเรา นี่คือความหมายแท้จริงของ “วจนะและความสำเร็จลุล่วงที่เกิดขึ้นพร้อมกัน”  เพราะเมื่อมีเราทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอิสระและทุกสิ่งทุกอย่างถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ และบนรากฐานนี้ ทั้งหมดที่เราทำเต็มไปด้วยปัญญา  เราไม่กล่าวอย่างไม่รอบคอบ อีกทั้งเราไม่กระทำการอย่างไม่รอบคอบ  (ไม่ว่าจะในสภาวะความเป็นมนุษย์หรือเทวสภาพ เรากล่าวและกระทำการด้วยปัญญา เพราะสภาวะความเป็นมนุษย์ของเราเป็นส่วนที่ไม่สามารถแยกออกได้ของตัวเราเอง)  กระนั้นก็ดี เมื่อเรากล่าว ไม่มีใครให้ความสนใจต่อกระแสเสียงของวาทะของเรา เมื่อเรากระทำการ ไม่มีใครให้ความสนใจต่อวิธีการของงานของเรา  นี่คือข้อบกพร่องของมนุษย์  เราเปิดเผยมหิทธิฤทธิ์ของเราต่อมนุษย์ทั้งมวล ไม่เพียงต่อบรรดาบุตรหัวปีของเราเท่านั้น แต่ยิ่งมากกว่านั้นอีก เราจะเปิดเผยมหิทธิฤทธิ์ของเราภายในชนชาติทั้งปวงและท่ามกลางกลุ่มคนทั้งมวล เพียงการทำเช่นนั้นเท่านั้นที่เป็นคำพยานอันเต็มไปด้วยอำนาจที่ทำให้ซาตานได้อับอาย  เราไม่กระทำการอย่างโง่เขลา  ผู้คนส่วนใหญ่คิดว่าพยานของเราต่อบรรดาบุตรหัวปีคือความผิดพลาด พวกเขาพูดว่ามีพระเจ้าอื่นๆ นอกจากเรา ว่าเรากระทำการอย่างขาดสำนึกรับรู้ ว่าเราลดคุณค่าตัวเราเอง และในการนี้ อุปนิสัยของมนุษย์ก็ยิ่งถูกตีแผ่มากขึ้น  เราจะสามารถทำผิดพลาดในการเป็นพยานต่อบรรดาบุตรหัวปีได้หรือ?  เจ้าพูดว่าเราผิด ดังนั้นเจ้าสามารถเป็นพยานได้หรือไม่?  หากไม่ใช่เพราะการยกระดับของเรา คำพยานของเรา พวกเจ้าก็จะยังคงผลักไสบุตรของเราไว้ใต้พวกเจ้า จะยังคงปฏิบัติต่อพระองค์ด้วยความไม่แยแสที่เย็นชา และจะยังคงปฏิบัติต่อพระองค์อย่างกับผู้รับใช้ของพวกเจ้า  เจ้าพวกสุกรทั้งหลาย!  เราจะกำจัดเจ้าแต่ละคนเป็นลำดับ!  จะไม่มีผู้ใดรอดไปได้!  จงบอกเรามาว่าสิ่งทั้งหลายประเภทใดที่เข้ากันไม่ได้กับบุคคลหนึ่งที่มีสภาวะความเป็นมนุษย์ปกติ?  ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกมันคือสุกร!  เราเพียงไม่สามารถทนเห็นภาพของพวกมันได้  หากเรารอคำพยานของพวกเจ้า งานของเราก็คงจะถูกทำให้ล่าช้าไปแล้ว!  เจ้าพวกสุกรทั้งหลาย!  เจ้าไม่มีสภาวะความเป็นมนุษย์เลย!  เราไม่จำเป็นต้องให้เจ้าทำงานปรนนิบัติเรา!  ออกไปจากที่นี่ เดี๋ยวนี้เลย!  เจ้าได้รังแกและกดขี่บุตรของเรามานานมากแล้ว เราจะกระทืบเจ้าจนเละ!  ดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเจ้ากล้าป่าเถื่อนอีก ดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเจ้ากล้าทำให้เราอับอายอีก!  เราได้ทำให้งานอันยิ่งใหญ่ของเราสำเร็จลุล่วงแล้ว เราควรที่จะหันกลับมาและกำจัดฝูงสัตว์เดียรัจฉานนี้ออกไปเสีย!

ทั้งหมดถูกทำให้สำเร็จลุล่วงในมือของเรา (ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบรรดาผู้ที่เรารัก) และทั้งหมดถูกทำลายในมือของเราด้วยเช่นกัน (ในส่วนของสัตว์ร้ายพวกนั้นที่เราเกลียด และในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้คน เรื่องราว และสิ่งทั้งหลายที่เราดูหมิ่น)  เราปล่อยให้บรรดาบุตรหัวปีของเรามองเห็นทั้งหมดที่เราจะทำ ปล่อยให้พวกเขาเข้าใจอย่างถ้วนทั่วและมองเห็นทั้งหมดที่เราได้ทำในที่นั้นตั้งแต่ที่ออกมาจากศิโยน  ภายหลัง พวกเราจะเข้าสู่ภูเขาศิโยนด้วยกัน เข้าสู่สถานที่ที่พวกเราเคยอยู่ก่อนหน้ายุคสมัยทั้งหลาย และใช้ชีวิตของพวกเราใหม่อีกครั้ง  นับจากนั้นไป จะไม่มีการติดต่อกับโลกและฝูงสุกรฝูงนี้อีก แต่จะเป็นอิสรภาพอย่างครบบริบูรณ์ ทั้งหมดจะไม่ถูกยับยั้งและจะปราศจากอุปสรรคขัดขวาง  ผู้ใดที่กล้าต้านทานบุตรหัวปีของเราคนใด?  ผู้ใดที่กล้าต่อต้านบรรดาบุตรหัวปีของเราต่อไป?  เราไม่ปล่อยให้พวกเขารอดไปได้อย่างง่ายดาย!  เจ้ายำเกรงเราอย่างไรก็ตามในอดีต นั่นคือวิธีที่เจ้าต้องยำเกรงบรรดาบุตรหัวปีของเราในวันนี้  จงอย่าเป็นอย่างหนึ่งต่อหน้าเราและอีกอย่างหนึ่งลับหลังเรา เรามองเห็นแต่ละบุคคลว่าเป็นอย่างไรด้วยความกระจ่างแจ้งมาก  การไม่จงรักภักดีต่อบุตรของเราคือการไม่กตัญญูต่อเรา ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่แจ่มแจ้ง ด้วยว่าพวกเราเป็นร่างหนึ่งเดียว  หากใครบางคนดีต่อเราแต่ยึดท่าทีที่แตกต่างต่อบรรดาบุตรหัวปีของเรา เช่นนั้นแล้วพวกเขาก็คือพงศ์พันธุ์ของพญานาคใหญ่สีแดงตามแบบฉบับอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะพวกเขาทำให้พระวรกายของพระคริสต์แตกหัก บาปนี้ไม่มีวันสามารถให้อภัยได้เลย!  เจ้าแต่ละคนต้องเห็นการนี้  เป็นหน้าที่ของพวกเจ้าที่จะเป็นพยานให้เรา และที่มากยิ่งกว่านั้นคือ เป็นข้อผูกพันของพวกเจ้าที่จะเป็นพยานให้บรรดาบุตรหัวปี  ไม่มีพวกเจ้าคนใดที่จะละเลยความรับผิดชอบของพวกเจ้าได้ เราจะกำจัดผู้ใดก็ตามที่ทำให้หยุดชะงักโดยทันที!  จงอย่าคิดว่าตัวเจ้าเองเป็นสิ่งใดที่พิเศษ  เราบอกเจ้าตอนนี้ว่า ผู้ใดก็ตามที่เป็นเช่นนั้นมากที่สุด พวกเขาจะเป็นเป้าหมายของการลงโทษที่เข้มงวดที่สุดของเรา!  ผู้ใดก็ตามที่เป็นเช่นนั้นมากที่สุดมีความหวังน้อยที่สุด และเป็นบุตรแห่งความพินาศมากที่สุด  เราจะตีสอนเจ้าไปตลอดกาล!

งานของเราทั้งหมดกระทำโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วยพระองค์เอง และเราไม่อนุญาตให้จำพวกของซาตานแทรกแซง  การนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนแผนการของเรา  ในท้ายที่สุด เราจะปล่อยให้ทั้งผู้ใหญ่และเด็กๆ ลุกขึ้นและสรรเสริญเราและบรรดาบุตรหัวปีของเรา สรรเสริญกิจการอันน่าอัศจรรย์ของเรา และสรรเสริญการสำแดงสภาวะบุคคลของเรา  เราจะปล่อยให้เสียงของการสรรเสริญดังก้องไปทั้งจักรวาลและจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก ทำให้บรรดาภูเขา แม่น้ำทั้งหลาย และทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือน และเราจะเหยียดหยามซาตานอย่างถ้วนทั่ว  เราจะใช้คำพยานของเราทำลายทั่วทั้งโลกใบเก่าที่โสโครกและเลวทราม และก่อร่างสร้างโลกใหม่ที่บริสุทธิ์และไร้มลทิน (ในการกล่าวว่าดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว และเทหวัตถุบนท้องฟ้าจะไม่เปลี่ยนแปลงในอนาคต เราไม่ได้หมายความว่าโลกใบเก่าจะยังดำรงอยู่ แต่ว่าทั่วทั้งโลกจะถูกทำลายและโลกใบเก่าจะถูกแทนที่  เราไม่ได้หมายความว่าจะแทนที่จักรวาล)  เมื่อถึงตอนนั้นเท่านั้นโลกจึงจะเป็นไปตามเจตนารมณ์ของเรา อยู่ภายในเจตจำนงนั้น จะไม่มีการข่มปรามประเภทที่มีอยู่ในวันนี้ อีกทั้งจะไม่มีปรากฏการณ์ปัจจุบันของผู้คนที่หาประโยชน์ใส่ตัวซึ่งกันและกัน  ตรงกันข้าม จะมีความยุติธรรมและความเป็นเหตุผลภายในเนื้อหนังอย่างครบถ้วนบริบูรณ์ (ถึงแม้เรากล่าวว่าจะมีความยุติธรรมและความเป็นเหตุผล แต่มันก็จะอยู่ภายในเนื้อหนัง มันจะแตกต่างอย่างมากจากราชอาณาจักรของเรา—แตกต่างเหมือนสวรรค์กับแผ่นดินโลก ไม่มีทางเลยที่จะเปรียบเทียบสองสิ่งนี้—จะว่าไปแล้ว โลกมนุษย์ก็คือโลกมนุษย์ และโลกวิญญาณก็คือโลกวิญญาณ)  ในตอนนั้น บรรดาบุตรหัวปีของเรากับเราจะใช้ขอบเขตอำนาจเหนือโลกเช่นนั้น (ในโลกนี้ จะไม่มีการรบกวนจากซาตาน เพราะซาตานจะถูกกำจัดอย่างครบถ้วนบริบูรณ์โดยเรา) แต่ชีวิตของพวกเราจะยังคงเป็นชีวิตแห่งราชอาณาจักร ซึ่งไม่มีผู้ใดสามารถปฏิเสธได้  ตลอดหลายยุคหลายสมัยไม่เคยมีมนุษย์ผู้ใด (ไม่สำคัญว่าจะจงรักภักดีมากเพียงใด) ที่ได้รับประสบการณ์ชีวิตประเภทนี้ เพราะตลอดหลายยุคหลายสมัย ไม่มีผู้ใดได้กระทำหน้าที่เป็นบุตรหัวปีของเรา และพวกเขาจะยังคงทำการปรนนิบัติเราในภายหลัง  แม้ว่าคนปรนนิบัติเหล่านี้จงรักภักดี แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็เป็นพงศ์พันธุ์ของซาตานที่ได้ถูกพิชิตโดยเรา ดังนั้นหลังจากการตายจากเนื้อหนัง พวกเขายังคงกำเนิดในโลกมนุษย์เพื่อทำงานปรนนิบัติเรา นี่คือความหมายแท้จริงของ “บรรดาบุตรทั้งหลายอย่างไรเสียก็คือบรรดาบุตรทั้งหลาย และบรรดาคนปรนนิบัติอย่างไรเสียก็เป็นพงศ์พันธุ์ของซาตาน”  ตลอดหลายยุคหลายสมัย ไม่เป็นที่รู้ว่ามีผู้คนที่ทำงานปรนนิบัติบรรดาบุตรหัวปีของวันนี้มากเท่าใด ในบรรดาคนปรนนิบัติทั้งหมด ไม่มีผู้ใดที่สามารถวิ่งหนีไปได้ และเราจะทำให้พวกเขาทำงานปรนนิบัติเราไปตลอดกาล  เมื่อพิจารณาถึงธรรมชาติของพวกเขา พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นลูกหลานของซาตาน และพวกเขาทั้งหมดพากันต้านทานเรา และแม้ว่าพวกเขาทำงานปรนนิบัติเรา พวกเขาก็ถูกบังคับให้ทำ และไม่มีใครในพวกเขาที่มีทางเลือกใดๆ  นี่เป็นเพราะทุกสิ่งทุกอย่างถูกควบคุมโดยมือของเรา และบรรดาคนปรนนิบัติที่เราใช้ต้องทำการปรนนิบัติเราไปจนถึงปลายทาง  ด้วยเหตุนี้ จึงยังคงมีผู้คนมากมายในทุกวันนี้ที่มีธรรมชาติแบบเดียวกันกับบรรดาผู้เผยพระวจนะและอัครทูตจากยุคต่างๆ ทั้งนี้เพราะพวกเขาเป็นจิตวิญญาณเดียวกัน  ด้วยเหตุนี้ จึงยังคงมีคนปรนนิบัติที่จงรักภักดีมากมายที่วิ่งวุ่นดำเนินงานเพื่อเรา แต่ในท้ายที่สุด (พวกเขาทำงานปรนนิบัติเราอย่างเนืองนิตย์เป็นเวลาหกพันปี ดังนั้นผู้คนเหล่านี้จึงเป็นของผู้คนในท่ามกลางคนปรนนิบัติ) ไม่มีผู้ใดที่สามารถบรรลุซึ่งสิ่งที่คนทั้งปวงตลอดหลายยุคหลายสมัยได้หวังไว้ เพราะสิ่งที่เราได้ตระเตรียมไม่ได้มีไว้เพื่อพวกเขา

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเราได้ถูกทำให้สำเร็จลุล่วงต่อหน้าต่อตาแล้ว เราจะให้บรรดาบุตรหัวปีของเรากลับบ้านของเราและหวนคืนมาอยู่เคียงข้างเรา เพื่อจะได้อยู่ร่วมกันอีกครั้ง  เพราะเราได้หวนคืนอย่างผู้มีชัยและมีชัยชนะและเราได้รับสง่าราศีอย่างครบถ้วน เรามาเพื่อนำพวกเจ้ากลับไป  ในอดีต ผู้คนบางคนทำนายถึง “หญิงพรหมจารีผู้มีปัญญาห้าคนกับหญิงพรหมจารีผู้โง่เขลา”  แม้ว่าคำทำนายนี้จะไม่ถูกต้องแม่นยำ แต่ก็ไม่ผิดทั้งหมดด้วยเช่นกัน—ด้วยเหตุนี้ เราอาจเสนอคำอธิบายบางอย่างแก่พวกเจ้า  “หญิงพรหมจารีผู้มีปัญญาห้าคนกับหญิงพรหมจารีผู้โง่เขลาห้าคน” เมื่อรวมกันแล้วก็ไม่ได้เป็นตัวแทนจำนวนของผู้คน อีกทั้งก็ไม่ใช่ตัวแทนประเภทของผู้คนเช่นกัน  “หญิงพรหมจารีผู้มีปัญญาห้าคน” อ้างอิงถึงจำนวนของผู้คน และ “หญิงพรหมจารีผู้โง่เขลาห้าคน” เป็นตัวแทนบุคคลประเภทหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้อ้างอิงถึงบรรดาบุตรหัวปีเช่นกัน  ตรงกันข้าม ทั้งสองกลุ่มต่างก็เป็นตัวแทนของสิ่งสร้างที่มีชีวิต  นี่คือเหตุผลที่พวกเขาได้ถูกขอให้ตระเตรียมน้ำมันในยุคสุดท้าย (สิ่งสร้างที่มีชีวิตไม่ได้มีขีดความสามารถของเรา หากพวกเขาต้องการเป็นผู้มีปัญญา พวกเขาก็จำเป็นต้องตระตรียมน้ำมัน และด้วยเหตุนี้พวกเขาก็จำเป็นต้องตระเตรียมให้พร้อมด้วยวจนะของเรา)  “หญิงพรหมจารีผู้มีปัญญาห้าคน” เป็นตัวแทนบรรดาบุตรของเราและผู้คนของเราในท่ามกลางมนุษย์ที่เราได้สร้าง  พวกเขาถูกเรียกว่า “หญิงพรหมจารี” เพราะพวกเขาถูกรับไว้โดยเรา ทั้งที่เกิดบนแผ่นดินโลก คนเราอาจเรียกพวกเขาว่าบริสุทธิ์ ดังนั้นพวกเขาจึงถูกเรียกว่า “หญิงพรหมจารี”  “ห้าคน” ที่กล่าวมาข้างต้น เป็นตัวแทนจำนวนบรรดาบุตรของเราและผู้คนของเราที่เราได้ลิขิตไว้ล่วงหน้า  “หญิงพรหมจารีผู้โง่เขลาห้าคน” อ้างอิงถึงบรรดาคนปรนนิบัติ ด้วยว่าพวกเขาทำงานปรนนิบัติเราโดยไม่ผูกกับความสำคัญต่อชีวิตแม้แต่น้อย โดยไล่ตามเสาะหาสิ่งทั้งหลายที่อยู่ภายนอกเท่านั้น (เพราะพวกเขาไม่มีขีดความสามารถของเรา ไม่สำคัญว่าพวกจะทำสิ่งใด มันก็เป็นสิ่งที่อยู่ภายนอก) และพวกเขาไร้ความสามารถที่จะเป็นผู้ช่วยเหลือที่มีความสามารถของเราได้ ดังนั้นพวกเขาจึงถูกเรียกว่า “หญิงพรหมจารีผู้โง่เขลา”  “ห้าคน” ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นตัวแทนซาตาน และข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาถูกเรียกว่า “หญิงพรหมจารี” นั้นหมายความว่าพวกเขาได้ถูกพิชิตโดยเราและสามารถทำงานปรนนิบัติเราได้—แต่คนเช่นนั้นไม่บริสุทธิ์ ดังนั้นพวกเขาจึงถูกเรียกว่าบรรดาคนปรนนิบัติ

ก่อนหน้า:  บทที่ 115

ถัดไป:  บทที่ 117

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 6) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 7) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 8) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 9) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

Connect with us on Messenger