เส้นทาง… (8)

มันไม่ได้เป็นเวลาเพียงแค่หนึ่งหรือสองวันนับตั้งแต่พระเจ้าได้เสด็จมายังแผ่นดินโลกเพื่อมีปฏิสัมพันธ์กับมวลมนุษย์และใช้ชีวิตร่วมกับผู้คน  บางที ช่วงระหว่างเวลานี้ รผู้คนอาจสัมฤทธิ์ความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าอย่างมากมายเลยทีเดียว และบางทีพวกเขาอาจได้รับความรู้ความเข้าใจเชิงลึกในการรับใช้พระเจ้ามากยิ่งขึ้น และพวกเขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการเชื่อในพระเจ้าของพวกเขา  ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม ผู้คนเข้าใจถึงพระอุปนิสัยของพระเจ้าไม่มากก็น้อย และพวกเขาแสดงอุปนิสัยของพวกเขาเองใน หมื่นแสนวิธีด้วยเช่นกัน  ตามที่เรามองเห็น การสำแดง นานาสารพันของผู้คนนั้นพอเพียงสำหรับพระเจ้าที่จะทรงใช้เป็นวัตถุตัวอย่าง และกิจกรรมทางใจทั้งหลายของพวกเขาเพียงพอสำหรับพระองค์ที่จะทรงใช้เป็นข้ออ้างอิง  นี่อาจเป็นแง่มุมหนึ่งของความร่วมมือระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า เป็นความร่วมมือที่มนุษย์ไม่ตระหนักรู้ เป็นการทำให้การแสดงซึ่งกำกับโดยพระเจ้านั้นเจิดจ้าและสมจริงมาก  เรากำลังกล่าวสิ่ง เหล่านี้กับพี่น้องชายหญิงของเราในฐานะผู้กำกับการแสดงละครเรื่องนี้—พวกเราทุกผู้ทุกคนสามารถพูดกับความคิดและความรู้สึกของพวกเราได้หลังจากที่ทำการแสดงครั้งนี้แล้ว และสามารถพูดคุยได้ว่าพวกเราแต่ละคนผ่านประสบการณ์ชีวิตของพวกเราภายในละครเรื่องนี้อย่างไร  พวกเราอาจมีการประชุมสัมมนาแบบใหม่อย่างสิ้นเชิงด้วยเช่นกัน เพื่อเปิดหัวใจของพวกเราและพูดคุยกันเกี่ยวกับศิลปะการแสดงของพวกเรา และเห็นว่าพระเจ้าทรงนำแต่ละบุคลล เพื่อที่ว่าในการตีบทครั้งต่อไป พวกเราจะได้สามารถแสดงศิลปะของพวกเราในระดับที่สูงขึ้นได้ และแต่ละคนเล่นบทบาทของพวกเราเองได้ในขอบข่ายยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และไม่ทำให้พระเจ้าทรงผิดหวัง  เราหวังว่าพี่น้องชายหญิงของเราจะรับการนี้ไว้อย่างจริงจัง  ไม่มีผู้ใดเลยที่ควรปฏิบัติต่อการนี้อย่างหละหลวม ด้วยว่าการแสดงบทบาทส่วนหนึ่งได้ดีไม่ใช่บางสิ่งที่สามารถสัมฤทธิ์ได้ในวันหรือสองวัน กล่าวคือ พวกเราพึงต้องผ่านประสบการณ์ชีวิตและเข้าสู่ชีวิตจริงของพวกเราให้ลึกขึ้นเป็นช่วงเวลายาวนาน และได้ผ่านประสบการณ์ที่สัมพันธ์กับชีวิตจริงของชีวิตนานาชนิด  เมื่อถึงตอนนั้นเท่านั้นพวกเราจึงจะสามารถขึ้นเวทีได้  เราเต็มไปด้วยความหวังสำหรับพี่น้องชายหญิงของเรา  เราไว้วางใจว่าพวกเจ้าจะไม่กลายเป็นท้อใจหรือท้อแท้ วางใจว่า ไม่ว่าพระเจ้าจะทรงกระทำสิ่งใด พวกเจ้าจะเป็นเหมือนอย่างหม้อไฟที่ไม่มีวันอุ่นชืด และมุมานะไปจนกระทั่งวาระสุดท้าย จนกระทั่งพระราชกิจของพระเจ้าได้รับการเปิดเผยอย่างเต็มที่ จนกระทั่งละครที่พระเจ้าทรงกำกับมาถึงการสรุปสุดท้าย  เราไม่ขอวอนสิ่งอื่นใดเลยจากพวกเจ้า เราหวังเพียงว่าพวกเจ้าจะทนฝ่าไป เพียงว่าพวกเจ้าจะไม่หมดความอดทนต่อผลลัพธ์ เพียงว่าพวกเจ้าจะร่วมมือกับเรา เพื่อที่งานที่เราควรทำจะทำได้เป็นอย่างดี และเพียงว่าจะไม่มีผู้ใดก่อให้เกิดการรบกวนหรือการหยุดชะงักเท่านั้นเอง  เมื่อส่วนนี้ของพระราชกิจเสร็จสิ้นแล้ว พระเจ้าจะทรงเปิดเผยทุกสิ่งทุกอย่างแก่พวกเจ้า  หลังจากที่งานของเราได้เสร็จสิ้นลงแล้ว เราจะนำเสนอความดีความชอบของพวกเจ้าเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าเพื่อรายงานเรื่องราวต่อพระองค์  นั่นไม่ดีกว่าหรอกหรือ?  การช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อสัมฤทธิ์จุดมุ่งหมายของพวกเราเอง—นี่ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่เพียบพร้อมสำหรับทุกคนหรอกหรือ?  บัดนี้คือเวลาที่ลำบากยากเย็น เป็นเวลาที่พวกเจ้าพึงต้องจ่ายราคา  เนื่องจากเราคือผู้กำกับในตอนนี้ เราจึงหวังว่าจะไม่มีพวกเจ้าคนใดรังเกียจเรื่องนี้  นั่นคืองานที่เรากำลังทำอยู่  บางที สักวันหนึ่งเราจะเปลี่ยนไปเป็น “หน่วยงาน” ที่เหมาะสมกว่า และไม่ทำให้สิ่งต่างๆ ลำบากยากเย็นสำหรับพวกเจ้าอีกต่อไป  เราจะแสดงให้พวกเจ้าเห็นสิ่งใดก็ตามที่พวกเจ้าต้องการเห็น และให้สิ่งใดก็ตามที่พวกเจ้าปรารถนาจะได้ยิน  แต่ไม่ใช่ตอนนี้  งานของวันนี้ก็คืองานนี้ และเราไม่สามารถปล่อยให้พวกเจ้ากระทำการโดยอิสระได้ และไม่สามารถให้พวกเจ้าทำสิ่งใดตามแต่พวกเจ้าต้องการ  นั่นคงทำให้งานของเราลำบากยากเย็น กล่าวตามตรงว่า มันคงจะไม่เกิดดอกผลใด เลย และคงจะไม่เป็นประโยชน์เลยต่อพวกเจ้า  ดังนั้นในวันนี้ พวกเจ้าต้องทนทุกข์ต่อ “ความไม่เป็นธรรม”  เมื่อวันนั้นมาถึง และช่วงระยะนี้แห่งงานของเราเสร็จสิ้นแล้ว เราจะเป็นอิสระ เราจะไม่แบภาระอันหนักอึ้งเช่นนี้ และเราจะยินยอมทำสิ่งใดก็ตามที่พวกเจ้าขอวอนจากเรา ตราบเท่าที่มันเป็นประโยชน์ต่อชีวิตของพวกเจ้า เราจะทำให้สิ่งที่พวกเจ้าขอวอนนั้นลุล่วง  วันนี้ เราได้รับเอาความรับผิดชอบอันหนักอึ้ง  เราไม่สามารถขัดต่อพระบัญชาของพระเจ้าพระบิดาได้ และเราไม่สามารถขัดจังหวะแผนการทั้งหลายสำหรับงานของเราได้  เราไม่สามารถบริหารจัดการกับกิจการส่วนตัว ทั้งหลายของเราโดยผ่านกิจการธุรกิจของเราได้—และเราหวังว่าพวกเจ้าทั้งหมดจะสามารถเข้าใจและยกโทษเราได้ ด้วยกว่าทุกสิ่งที่เราทำเป็นไปตามความทรงปรารถนาของพระเจ้าพระบิดา เราทำสิ่งใดก็ตามที่พระองค์ทรงให้เราทำ ไม่สำคัญว่าพระองค์ทรงต้องประสงค์สิ่งใด และเราคงจะไม่ยั่วยุพระโทสะของพระองค์หรือพระพิโรธของพระองค์  เราทำเฉพาะสิ่งที่เราควรทำเท่านั้น  ดังนั้นในนามของพระเจ้าพระบิดา เราขอแนะนำพวกเจ้าให้ทนฝ่าอีกสักหน่อยหนึ่งเถิด  ไม่มีใครจำเป็นต้องวิตกกังวล  หลังจากที่เราได้ทำสิ่งที่เราต้องทำจนเสร็จสิ้นแล้ว พวกเจ้าจะสามารถทำสิ่งใดก็ตามที่พวกเจ้าต้องการและเห็นสิ่งใดก็ตามที่พวกเจ้าชอบ—แต่เราต้องทำให้งานที่เราจำเป็นต้องทำให้เสร็จสิ้นเสียก่อน

พระราชกิจระยะนี้จำเป็นต้องได้รับความเชื่อและความรักสูงสุดจากพวกเรา หากประมาทแม้แต่น้อย พวกเราก็อาจจะสะดุดล้มได้ ด้วยว่าช่วงระยะนี้แห่งพระราชกิจแตกต่างไปจากช่วงระยะก่อนหน้านี้ทั้งหมด กล่าวคือ สิ่งที่พระเจ้ากำลังทำให้เพียบพร้อมก็คือความเชื่อของผู้คน ซึ่งทั้งมองไม่เห็นและจับต้องไม่ได้  สิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำคือทรงแปลงพระวจนะเป็นความเชื่อ เป็นความรักและเป็นชีวิต  ผู้คนต้องไปให้ถึงจุดที่พวกเขาได้ทนฝ่ากระบวนการถลุงนับหลายร้อยครั้ง และครองความเชื่อที่ยิ่งใหญ่กว่าความเชื่อของโยบ ซึ่งทำให้พวกเขาต้องทนฝ่าความทุกข์ที่มากมายยิ่ง และการทรมานทุกลักษณะโดยไม่เคยจากพระเจ้าไปเลย  เมื่อพวกเขานบนอบตราบจนสิ้นชีพ และมีความเชื่ออันยิ่งใหญ่ในพระเจ้า เช่นนั้นแล้วช่วงระยะนี้แห่งพระราชกิจของพระเจ้าก็จะครบบริบูรณ์  นี่คืองานที่เราได้รับไว้ ดังนั้นเราจึงหวังว่าพี่น้องชายหญิงของเราจะสามารถเข้าใจฐานะลำบากของเราได้ และไม่ขอวอนสิ่งใดอื่นเลยจากเรา  นี่คือข้อพึงประสงค์ของพระเจ้าพระบิดาที่มีต่อเรา และเราไม่สามารถหลีกหนีไปจากความเป็นจริงนี้ได้ เราต้องทำงานที่เราควรทำ  เราหวังว่าเพียงเพื่อว่าพวกเจ้าจะไม่ใช้การถกเถียงเชิงบังคับและตรรกะอันเบี้ยวบิด ว่าเจ้าเปี่ยมความเข้าใจเชิงลึกกว่า และไม่มองเรื่องต่างๆ ง่ายเกินไป  ความคิดของพวกเจ้านั้นช่างอ่อนต่อโลกเกินไปและซื่อเกินไป  พระราชกิจของพระเจ้าไม่เรียบง่ายเท่ากับที่พวกเจ้าอาจจินตนาการ พระองค์ไม่เพียงแค่ทรงปฏิบัติสิ่งใดก็ตามที่พระองค์ทรงต้องประสงค์ หากพระองค์ได้ทรงทำเช่นนั้นแล้ว แผนการของพระองค์ก็คงจะมีอันย่อยยับไปแล้ว  พวกเจ้าคงจะไม่กล่าวเช่นนั้นหรอกหรือ?  เรากำลังปฏิบัติพระราชกิจของพระเจ้า  เราไม่ได้กำลังทำงานจิปาถะเพื่อผู้คน ทำสิ่งใดก็ตามที่เรารู้สึกอยากทำ และจัดการเตรียมการเป็นการส่วนตัวว่าเราจะทำบางสิ่งบางอย่างหรือไม่  สิ่งต่างๆ ไม่ได้เรียบง่ายในวันนี้  เราถูกพระบิดาส่งมาเพื่อให้รับบทเป็นผู้กำกับ—พวกเจ้าคิดว่าเราได้จัดการเตรียมการและเลือกสิ่งนี้ด้วยตัวเราเองอย่างนั้นหรือ?  บ่อยครั้งที่แนวคิดของมนุษย์โน้มเอียงที่จะทำให้พระราชกิจของพระเจ้าหยุดชะงัก ซึ่งเป็นเหตุผลที่ หลังจากที่เราทำงานมาช่วงเวลาหนึ่ง ก็มีข้อร้องขอมากมายจากผู้คนซึ่งเราไม่สามารถทำให้ลุล่วงได้ และผู้คนเปลี่ยนความรู้สึกนึกคิดของพวกเขาเกี่ยวกับเรา  พวกเจ้าทั้งหมดควรชัดเจนเกี่ยวกับแนวคิดเหล่านี้ของพวกเจ้า เราจะไม่หยิบยกขึ้นมาเป็นรายบุคคล เราสามารถอธิบายงานที่เราทำได้เท่านั้น  ความรู้สึกของเราจะไม่ถูกทำร้ายโดยสิ่งนี้เลยสักนิด  ทันทีที่พวกเจ้าได้เข้าใจการนั้นแล้ว พวกเจ้าก็สามารถมองอย่างไรก็ได้ตามที่เจ้าชอบ  เราจะไม่ทำการคัดค้านใดๆ เนื่องจากว่านี่คือวิธีที่พระเจ้าทรงพระราชกิจ เราไม่มีภาระผูกพันที่จะต้องอธิบายอะไรเลย  เราก็แค่ได้มาเพื่อปฏิบัติพระราชกิจแห่งพระวจนะ เพื่อปฏิบัติงานและเพื่ออำนวยให้ละครเรื่องนี้ได้เล่นผ่านไปตามทิศทางแห่งพระวจนะ  เราทั้งไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงสิ่งใดอื่นอีกเลย และคงไม่อาจทำสิ่งอื่นใดได้  เราได้อธิบายทุกสิ่งทุกอย่างที่เราต้องกล่าวแล้ว เราไม่สนใจในสิ่งที่พวกเจ้าคิด และมันไม่สำคัญต่อเราเลย  แต่เราก็คงจะยังประสงค์จะเตือนจำพวกเจ้าว่าพระราชกิจของพระเจ้าไม่เรียบง่ายเท่ากับที่พวกเจ้าจินตนาการให้เป็น  ยิ่งพระราชกิจเป็นไปในแนวเดียวกับมโนคติอันหลงผิดของผู้คนน้อยเท่าใด นัยสำคัญของพระราชกิจก็ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งพระราชกิจเป็นไปในแนวเดียวกับมโนคติอันหลงผิดของผู้คนมากเท่าใด ก็จะยิ่งไร้คุณค่าและไร้นัยสำคัญที่แท้จริงมากขึ้นเท่านั้น  จงพิจารณาวจนะเหล่านี้อย่างรอบคอบ—นี่คือทั้งหมดที่เราจะกล่าวเกี่ยวกับการนั้น  พวกเจ้าสามารถวิเคราะห์ส่วนที่เหลือด้วยตัวเจ้าเองได้  เราจะไม่อธิบาย

ผู้คนจินตนาการว่าพระเจ้าทรงกระทำสิ่งต่างๆ ด้วยวิธีเฉพาะ แต่ตลอดช่วงปีที่ผ่านมาโดยประมาณ สิ่งที่พวกเราได้เห็นและได้รับประสบการณ์กับพระราชกิจของพระเจ้านั้น ได้เป็นไปในแนวเดียวกับมโนคติอันหลงผิดของมนุษย์อย่างแท้จริงกระนั้นหรือ?  นับจากการสร้างโลกมาจนบัดนี้ ไม่มีสักคนเดียวที่สามารถจับความเข้าใจเกี่ยวกับช่วงระยะหรือกฎเกณฑ์ทั้งหลายแห่งพระราชกิจของพระเจ้าได้เลย  หากพวกเขาจับความเข้าใจได้ เหตุใดผู้นำทางศาสนาเหล่านั้นจึงไม่เข้าใจว่านี่คือวิธีที่พระเจ้าทรงปฏิบัติพระราชกิจในวันนี้เล่า?  เหตุใดจึงมีน้อยคนนักที่เข้าใจความเป็นจริงของวันนี้เล่า?  พวกเราสามารถเห็นได้จากการนี้ว่า ไม่มีใครเลยที่เข้าใจในพระราชกิจของพระเจ้า  ผู้คนเพียงแต่ต้องกระทำการไปตามการทรงนำของพระวิญญาณของพระองค์เท่านั้น  นั่นคือ พวกเขาต้องไม่เพียงแค่นำกฎเกณฑ์มาประยุกต์ใช้กับพระราชกิจของพระองค์อย่างเคร่งครัดตายตัว  หากเจ้านำพระฉายาและพระราชกิจของพระเยซูมาและเปรียบเทียบกับพระราชกิจในปัจจุบันของพระเจ้า ก็จะเป็นเหมือนอย่างที่พวกยิวพยายามทำให้พระเยซูเสมอกันกับพระยาห์เวห์นั่นเอง  เจ้าไม่ได้เสียอะไรไปจากการทำเช่นนี้หรอกหรือ?  แม้กระทั่งพระเยซูก็มิได้ทรงทราบว่าพระราชกิจของพระเจ้าในยุคสุดท้ายจะเป็นอย่างใด ทั้งหมดที่พระองค์ได้ทรงทราบก็คือสิ่งที่พระองค์ทรงจำเป็นต้องมีในการทำให้พระราชกิจการถูกตรึงกางเขนครบบริบูรณ์  ดังนี้แล้วผู้อื่นอาจสามารถรู้ได้อย่างไรกันเล่า?  พวกเขาอาจสามารถรู้ได้ว่าพระเจ้ากำลังจะทรงกระทำพระราชกิจใดในอนาคตอย่างนั้นหรือ?  พระเจ้าจะทรงเผยแผนการของพระองค์ต่อมนุษย์ผู้ซึ่งถูกครอบงำโดยซาตานได้อย่างไรได้กัน?  นั่นไม่โง่เขลาหรอกหรือ?  พระเจ้าทรงขอให้เจ้ารู้และเข้าใจเจตนารมณ์ของพระองค์  พระองค์ไม่ได้ทรงขอวอนให้เจ้าพิจารณาพระราชกิจในอนาคตของพระองค์  พวกเราเพียงจำเป็นต้องเอาตัวเองไปเป็นกังวลก็แต่เรื่องความเชื่อในพระเจ้าเท่านั้น กระทำการตามการทรงนำของพระองค์เท่านั้น เน้นการปฏิบัติอย่างจริงจังในการรับมือกับความลำบากยากเย็นที่แท้จริงเท่านั้น และไม่ทำให้สิ่งต่างๆ ลำบากยากเย็นสำหรับพระเจ้าหรือก่อปัญหาให้กับพระองค์  พวกเราควรทำสิ่งที่พวกเราสมควรทำ ตราบเท่าที่พวกเราสามารถอยู่ภายในพระราชกิจปัจจุบันของพระเจ้าได้แล้วไซร้ นั่นก็เพียงพอแล้ว!  นั่นคือเส้นทางที่เรานำพวกเจ้าให้ไป  หากพวกเราจดจ่ออยู่กับการรุดหน้าต่อไปเรื่อยๆ เท่านั้น พระเจ้าก็จะไม่ทรงปฏิบัติไม่ดีต่อพวกเราเลยสักคน  ตลอดช่วงปีที่ผ่านมาแห่งประสบการณ์ที่เป็นพิเศษของพวกเจ้า เจ้าได้รับสิ่งต่างๆ ไปมากมายนัก เราไว้วางใจว่าพวกเจ้าจะไม่กดดันตัวเจ้าเองจนเกินไป  เส้นทางที่เรากำลังนำพวกเจ้าไปคืองานของเราและภารกิจของเรา และพระเจ้าได้ทรงตั้งไว้นานมาแล้ว ด้วยเหตุเช่นนั้น พวกเราจึงได้รับการลิขิตไว้ล่วงหน้าให้มาไกลถึงขนาดนี้ จนกระทั่งถึงวันนี้  ที่พวกเราได้สามารถทำการนี้ได้นั้น เป็นพระพรยิ่งใหญ่ของพวกเรา และถึงแม้ว่ามันไม่ได้เป็นเส้นทางราบเรียบ ทว่ามิตรภาพของพวกเราเป็นนิรันดร์กาล และมันจะถูกส่งผ่านตลอดไปยังยุคต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นการแซ่ซ้องกับเสียงหัวเราะ หรือความโศกเศร้ากับน้ำตา ขอให้ทั้งหมดกลายเป็นความทรงจำอันสวยงามเถิด!  พวกเจ้าอาจตระหนักรู้ว่าวันแห่งการงานของเรานั้นถูกกำหนดเป็นตัวเลขออกมาแล้ว  เรามีโครงการงานต่างๆ มากมาย และเราไม่สามารถร่วมทางไปกับพวกเจ้าได้บ่อยนัก  เราหวังว่าพวกเจ้าจะสามารถเข้าใจเราได้—เพราะมิตรภาพดั้งเดิมของพวกเรายังไม่เปลี่ยนแปลง  อาจมีสักวันที่เราจะปรากฎต่อหน้าพวกเจ้าอีกครั้ง และเราหวังว่าพวกเจ้าทำไม่ทำให้สิ่งต่างๆ ลำบากยากเย็นสำหรับเรา  ไม่ว่าจะอย่างไรท้ายที่สุดแล้ว เราแตกต่างจากพวกเจ้า  เราเดินทางไปทั่วเพื่องานของเรา และเราไม่ได้ใช้ชีวิตของเราแค่อยู่ว่างๆ ในโรงแรม  ไม่ว่าพวกเจ้าจะเป็นอย่างไรก็ตาม เราเพียงแค่ทำในสิ่งที่เราควรทำ  เราหวังว่าสิ่งต่างๆ ที่พวกเราแบ่งปันร่วมกันในอดีตอาจกลายเป็นดอกไม้แห่งมิตรภาพของพวกเรา

อาจกล่าวได้ว่าเส้นทางนี้ได้รับการเปิดโดยเรา และไม่ว่าจะขมขื่นหรือหอมหวาน เราก็ได้นำหนทางนี้  ที่เราทำสำเร็จได้จนมาถึงวันนี้ล้วนแต่เป็นเพราะพระคุณของพระเจ้าทั้งสิ้น  อาจมีบางคนที่กล่าวขอบคุณเรา และอาจมีบางคนที่พร่ำบ่นเกี่ยวกับเรา—แต่นั่นไม่สำคัญเลย  เท่าที่เราต้องการจะได้เห็นคือสิ่งที่ควรจะสัมฤทธิ์ผลในกลุ่มคนกลุ่มนี้ได้สัมฤทธิ์ผลแล้ว  นี่คือบางสิ่งที่ควรได้รับการเฉลิมฉลอง  ดังนั้น เราจึงไม่แบกความขุ่นข้องใจต่อพวกที่พร่ำบ่นต่อเรา สิ่งที่เราต้องการคือทำให้งานของเราให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เพื่อที่พระทัยของพระเจ้าอาจจะได้ทรงพักผ่อนในไม่ช้า  เมื่อถึงเวลานั้น เราจะไม่แบกภาระหนักอึ้งใดๆ และจะไม่มีความกังวลในพระทัยของพระเจ้าอีกเลย  พวกเจ้าเต็มใจที่จะปรับปรุงการร่วมมือกันของพวกเจ้าหรือไม่?  นี่ไม่ดีกว่าหรอกหรือที่จะมีจุดมุ่งหมายที่จะปฏิบัติพระราชกิจของพระเจ้าเป็นอย่างดี?  ตลอดช่วงเวลานี้ เป็นการยุติธรรมที่จะกล่าวว่าพวกเราได้ทนฝ่าความยากลำบากมาเหลือคณานับ และผ่านประสบการณ์ความชื่นบานยินดีและความโศกเศร้ามาทุกลักษณะ  โดยรวมแล้ว ผลการปฏิบัติงานของพวกเจ้าแต่ละคนได้ประสบความสำเร็จถึงมาตรฐานระดับหนึ่งโดยพื้นฐาน  บางที ในอนาคต อาจจะมีงานที่ดีกว่านี้ที่พึงประสงค์พวกเจ้า แต่จงอย่ามัวอ้อยอิ่งคำนึงถึงความคิดของเราอยู่เลย เพียงแค่ทำสิ่งที่เจ้าควรทำไปเถิด  สิ่งที่เราจำเป็นต้องทำนั้นใกล้จะเสร็จแล้ว เราหวังว่าพวกเจ้าจะยังคงรักภักดีอยู่ตลอดเวลา และหวังว่าเจ้าจะไม่อาลัยอาวรณ์เกี่ยวกับงานของเรา  เจ้าควรรู้ดีว่าเราได้มาเพื่อทำให้ช่วงระยะหนึ่งของงานเสร็จสิ้นเท่านั้น และไม่ได้มาเพื่อดำเนินพระราชกิจของพระเจ้าทั้งหมดอย่างแน่นอน  พวกเจ้าต้องเข้าใจชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ และไม่มีแนวคิดอื่นๆ เกี่ยวกับการนี้  พระราชกิจของพระเจ้าพึงต้องมีหลายวิถีทางมากกว่านี้มากมายนักเพื่อที่จะทำให้เสร็จสิ้นลงได้ เจ้าไม่สามารถพึ่งพาเราได้ตลอดเวลา  พวกเจ้าอาจได้ตระหนักแล้วว่าเรามาเพียงเพื่อทำงานส่วนเดียวเท่านั้น ส่วนที่ไม่ได้เป็นตัวแทนของพระยาห์เวห์หรือพระเยซู กล่าวคือพระราชกิจของพระเจ้าแบ่งออกเป็นหลายช่วงระยะ ดังนั้นพวกเจ้าต้องไม่เคร่งครัดตายตัวจนเกินไป  ขณะที่เรากำลังทำงาน พวกเจ้าต้องฟังเรา  ในแต่ละยุค พระราชกิจของพระเจ้าเปลี่ยนแปลงไป พระราชกิจของพระเจ้าไม่ได้ออกมาจากเบ้าหล่อเดียวกันทั้งหมด และก็ไม่ได้เป็นบทเพลงเก่าเพลงเดิมในแต่ละครั้ง  และพระราชกิจของพระองค์ในแต่ละช่วงระยะเหมาะสมกับยุคนั้นๆ และเปลี่ยนแปลงไปเพราะยุคไม่เหมือนเดิม  และด้วยเหตุนี้เอง เนื่องจากเจ้าได้ถือกำเนิดในยุคนี้ เจ้าก็ต้องกินและดื่มพระวจนะของพระเจ้า และอ่านวจนะเหล่านี้  อาจมีสักวันที่งานของเราเปลี่ยนไป ในกรณีนั้น พวกเจ้าต้องรุดหน้าต่อไปตามที่เจ้าควรทำ พระราชกิจของพระเจ้าไม่สามารถผิดพลาดได้  จงอย่าใส่ใจว่าโลกภายนอกเปลี่ยนไปอย่างไร พระเจ้าไม่ทรงสามารถผิดพลาดได้ และพระราชกิจของพระองค์ก็ไม่สามารถผิดพลาดได้  เพียงแค่ว่าบางครั้ง พระราชกิจเก่าของพระองค์ได้ผ่านเลยไปและพระราชกิจใหม่ของพระองค์เริ่มต้นขึ้น  อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่า เพราะพระราชกิจใหม่ได้มาถึงแล้ว พระราชกิจเก่าจึงผิด  นั่นเป็นวิธีคิดที่ผิด!  พระราชกิจของพระเจ้าไม่สามารถถูกกล่าวได้ว่าถูกหรือผิด พระราชกิจสามารถถูกกล่าวได้ว่าก่อนหน้าหรือภายหลังเท่านั้น  นี่คือเครื่องนำทางสำหรับความเชื่อในพระเจ้าของผู้คน และต้องไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างไม่สลักสำคัญ

ก่อนหน้า:  เส้นทาง… (7)

ถัดไป:  ผู้เชื่อควรที่จะยึดถือทัศนคติแบบใด

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 6) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 7) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 8) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 9) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

Connect with us on Messenger