เส้นทาง… (7)

จากประสบการณ์ที่สัมพันธ์กับชีวิตจริงของพวกเรา พวกเราเห็นว่ามีหลายครั้งที่พระเจ้าได้ทรงเปิดเส้นทางสำหรับพวกเราด้วยพระองค์เอง เพื่อที่เส้นทางภายใต้ฝ่าเท้าของพวกเราอาจจะมั่นคงกว่า และเป็นจริงมากกว่า  ด้วยว่านี่คือเส้นทางที่พระเจ้าได้ทรงเปิดไว้ให้กับพวกเรานานมาแล้วตั้งแต่โบราณกาล ซึ่งส่งผ่านมาถึงรุ่นของพวกเราหลังจากเวลานับหมื่นปี  ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงได้รับช่วงเอา เส้นทางที่บรรพชนของพวกเรามิได้เดินไปจนถึงปลายทางมาเดินต่อ  พระเจ้าได้ทรงเลือกสรรพวกเราให้เดินในช่วงระยะสุดท้ายของมัน  และดังนั้นเอง เส้นทางนี้จึงได้รับการตระเตรียมไว้เป็นพิเศษสำหรับพวกเราโดยพระเจ้า และไม่ว่าพวกเราจะได้ร้บการอวยพรหรือได้รับความทุกข์ร้อนกับโชคร้าย ก็ไม่มีใครอื่นสามารถเดินบนเส้นทางนี้ได้  ขอให้เราเสริมความรู้ความเข้าใจเชิงลึกของเราเองต่อเรื่องนี้ว่า จงอย่าคิดที่จะพยายามหลบหนีไปที่อื่น หรือพยายามค้นหาอีกเส้นทาง และอย่าละโมบต่อสถานภาพ หรือพยายามจัดตั้งราชอาณาจักรของเจ้าเอง—สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดคือความเพ้อฝันทั้งสิ้น  เจ้าอาจมีแนวคิดที่เป็นอุปาทานเฉพาะเกี่ยวกับถ้อยคำของเรา ซึ่งในกรณีนี้เราแนะนำให้เจ้าหยุดเลอะเลือนมากขนาดนั้นได้แล้ว  เจ้าควรใช้ความคิดในเรื่องนี้ให้มากกว่านี้จะดีเสียกว่า อย่าพยายามทำเป็นฉลาด และอย่าสับสนระหว่างดีกับเลว  เจ้าจะเสียใจทันทีที่แผนการของพระเจ้าสำเร็จลุล่วง  สิ่งที่เรากำลังกล่าวคือ เมื่อราชอาณาจักรของพระเจ้ามาถึง ประชาชาติแห่งแผ่นดินโลกจะถูกทุบจนแตกเป็นชิ้นๆ  เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าจะเห็นว่าแผนการของเจ้าเองก็จะถูกลบสิ้นจนไร้ร่องรอยด้วยเช่นกัน และคนเหล่านั้นที่ได้รับการตีสอนจะถูกทุบจนแตก และในการนี้ พระเจ้าจะทรงสำแดงพระอุปนิสัยของพระองค์อย่างเต็มที่  เราคิดว่าเนื่องจากว่าสิ่งเหล่านี้ชัดเจนมากต่อเรา เราจึงควรบอกเจ้าถึงสิ่งเหล่านี้ เพื่อว่าเจ้าจะได้ไม่ติเตียนเราในภายหลัง  ที่พวกเรามีความสามารถเดินเส้นทางนี้ได้จนกระทั่งทุกวันนี้เพราะพระเจ้าได้ทรงลิขิตไว้แล้ว ดังนั้นอย่าคิดว่าเจ้าเป็นอะไรที่พิเศษ อีกทั้งอย่าคิดว่าเจ้าโชคไม่ดี—ไม่มีผู้ใดอาจทำการกล่าวยืนยันอย่างมั่นใจได้เกี่ยวกับพระราชกิจในปัจจุบันของพระเจ้า ด้วยเกรงว่าเจ้าจะถูกทุบจนแตกเป็นชิ้นๆ  เราได้รับความรู้แจ้งโดยพระราชกิจของพระเจ้า กล่าวคือ ไม่สำคัญว่าพระเจ้าจะทรงทำให้ผู้คนกลุ่มนี้ครบบริบูรณ์หรือไม่ พระราชกิจของพระองค์จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอีกเลย และพระองค์จะทรงนำผู้คนกลุ่มนี้ไปสู่ปลายทางของเส้นทางนี้ และจบสิ้นพระราชกิจของพระองค์บนแผ่นดินโลก  พวกเราทั้งหมดควรจะเข้าใจถึงการนี้  ผู้คนส่วนมากชื่นชอบที่จะ “วางแผนล่วงหน้า” และความอยากลิ้มรสของพวกเขาก็ไม่มีที่สิ้นสุด  ไม่มีพวกเขาคนใดเลยที่เข้าใจถึงเจตนารมณ์เร่งด่วนในวันนี้ของพระเจ้า และดังนั้นเองพวกเขาทั้งหมดจึงคิดหาทางหลีกหนี  พวกเขาเป็นเหมือนพวกม้าซึ่งวิ่งหนีไปที่ต้องการแค่เพียงท่องไปในถิ่นทุรกันดารเท่านั้น มีไม่กี่คนที่ปรารถนาจะลงหลักปักฐานในแผ่นดินอันดีแห่งคานาอันเพื่อแสวงหาหนทางแห่งชีวิตมนุษย์  หากผู้คนไม่ชื่นชมการได้เข้าสู่แผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลรินแล้ว สิ่งใดหรือที่พวกเขาต้องการมากไปกว่านี้?  ความจริงที่ต้องบอกก็คือ โพ้นแผ่นดินอันดีแห่งคานาอันไปก็มีแต่เพียงถิ่นทุรกันดารเท่านั้น  แม้แต่เมื่อผู้คนได้เข้าสู่ที่พำนักแล้ว พวกเขาก็ยังไร้ความสามารถที่จะดำรงหน้าที่ของพวกเขาได้ พวกเขาไม่ใช่แค่เพียงหญิงโสเภณีหรอกหรือ?  หากเจ้าสูญเสียโอกาสเหมาะที่จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้า ณ ที่นี่ เจ้าก็จะเสียใจไปตลอดวันเวลาที่เหลือของเจ้า ความสำนึกผิดของเจ้าจะมากมายนับอนันต์  เจ้าจะเป็นเหมือนอย่างโมเสส ผู้จับจ้องมองไปยังดินแดนคานาอันแต่ก็ไม่สามารถชื่นชมได้ เขากำมือของเขาแน่นและความตายของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ—เจ้าไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องน่าละอายหรอกหรือ?  เจ้าไม่คิดว่าน่าตะขิดตะขวงหรอกหรือที่ถูกผู้อื่นพูดเยาะเย้ย?  เจ้าเต็มใจที่จะถูกผู้อื่นเหยียดหยามอย่างนั้นหรือ?  เจ้าไม่ปรารถนาที่จะทำให้ได้ดีเพื่อตัวเจ้าเองหรอกหรือ?  เจ้าไม่ต้องการที่จะเป็นบุคคลซึ่งมีเกียรติและน่านับถือผู้ที่ได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อมโดยพระเจ้าหรอกหรือ?  เจ้าไม่ทะเยอทะยานต่อสิ่งใดเลยจริงหรือ?  เจ้าไม่เต็มใจที่จะรับเอาเส้นทางอื่นไว้หรอกหรือ เจ้าไม่ปรารถนาเช่นกันที่จะรับเอาเส้นทางที่พระเจ้าได้ทรงลิขิตไว้ให้เจ้าหรอกหรือ?  เจ้ากล้าที่จะต้านทานน้ำพระทัยแห่งฟ้าหรือ?  ไม่ว่า “ความชำนาญ” ของเจ้าจะยิ่งใหญ่เพียงใด เจ้าสามารถล่วงเกินฟ้าขุ่นเคืองได้จริงหรือ?  เราเชื่อว่าพวกเราควรพยายามรู้จักตัวพวกเราเองอย่างถูกต้องเหมาะสมจะดีเสียกว่า  พระวจนะเดียวจากพระเจ้าสามารถเปลี่ยนสวรรค์และแผ่นดินโลกได้  แล้วบุคคลตัวเล็กผอมแห้งคนหนึ่งนั้น คืออะไรหรือในสายพระเนตรของพระเจ้า?

จากประสบการณ์ของเราเอง เราได้เห็นว่ายิ่งเจ้าตั้งตนต่อต้านพระเจ้ามากขึ้นเท่าใด พระเจ้าก็จะยิ่งทรงแสดงพระอุปนิสัยอันเปี่ยมบารมีของพระองค์มากขึ้นเท่านั้น และพระองค์จะทรง “ให้บริการ” การตีสอนที่รุนแรงแก่เจ้ามากขึ้นเท่านั้น ยิ่งเจ้านบนอบพระองค์มากเท่าใด พระองค์ก็จะทรงรักเจ้าและคุ้มครองปกป้องเจ้ามากขึ้นเท่านั้น  พระอุปนิสัยของพระเจ้าเป็นเสมือนอุปกรณ์แห่งการลงโทษ หากว่าเจ้านบนอบ เจ้าก็จะอยู่รอดปลอดภัย เมื่อเจ้าไม่นบนอบ—เมื่อเจ้าพยายามโอ้อวดอยู่เสมอและมีเล่ห์เหลี่ยมอยู่เสมอ—พระอุปนิสัยของพระเจ้าก็จะเปลี่ยนทันที  พระองค์เป็นเสมือนพระอาทิตย์ในวันเมฆครึ้ม พระองค์จะทรงซ่อนเร้นจากเจ้าและจะทรงแสดงให้เจ้าเห็นถึงพระพิโรธของพระองค์  ดังนั้น พระอุปนิสัยของพระองค์ก็เป็นดั่งสภาพอากาศในเดือนมิถุนายนด้วยเช่นกัน คือเมื่อท้องฟ้าโปร่งเป็นวงกว้างและคลื่นเป็นเพียงริ้วเล็กๆ บนผิวน้ำ จนกระทั่งกระแสน้ำเร่งความเร็วขึ้นมาอย่างฉับพลัน และน้ำก็ผันไปเป็นคลื่นใต้น้ำอันขุ่นคลั่ก  เจ้ากล้าบ้าบิ่นขนาดนั้นเลยหรือในยามเผชิญหน้ากับพระอุปนิสัยเช่นนั้นของพระเจ้า?  ในประสบการณ์ของเจ้า พวกเจ้าพี่น้องชายหญิงส่วนมากได้เห็นแล้วว่าเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงพระราชกิจในความสว่างแห่งกลางวัน เจ้าก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อ—แต่แล้ว พระวิญญาณของพระเจ้าทรงละทิ้งเจ้าไปโดยฉับพลัน และเจ้าจึงทรมานอย่างหนักจากการที่เจ้านอนไม่หลับตอนกลางคืน ค้นหาไปทุกหนแห่งว่าพระวิญญาณของพระองค์ได้ปลาสนาการไปในทิศทางใด  ไม่ว่าเจ้าทำสิ่งใด เจ้าก็ไม่สามารถพบได้ว่าพระวิญญาณของพระองค์ทรงไปที่ไหน—แต่แล้ว พระองค์ก็ทรงปรากฎขึ้นแก่เจ้าอีกครั้งอย่างฉับพลันโดยไม่คาดหวังมาก่อน และเจ้ารู้สึกปลื้มปีติพอๆ กับตอนที่เปโตรได้มองเห็นองค์พระเยซูเจ้าอย่างฉับพลันอีกครั้ง ปลื้มปีติอย่างล้นพ้นจนเจ้าแทบจะร้องออกมา  เจ้าได้ลืมการนี้ไปแล้วจริงๆ หรือหลังจากได้ผ่านประสบการณ์นั้นมาหลายต่อหลายครั้ง?  องค์พระเยซูคริสต์เจ้า ผู้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ ผู้ทรงถูกตอกตรึงกับกางเขน และจากนั้นได้ทรงคืนพระชนม์และเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ ทรงซ่อนเร้นจากเจ้าเป็นเวลาหนึ่งเสมอ และจากนั้นก็ทรงปรากฎต่อเจ้าเป็นเวลาหนึ่ง  พระองค์ทรงเปิดเผยพระองค์เองต่อเจ้าเพราะความชอบธรรมของเจ้า และพระองค์ทรงกลับกลายเป็นกริ้วและเสด็จจากเจ้าไปเสียเพราะบาปทั้งหลายของเจ้า ดังนั้นเหตุใดเจ้าจึงไม่อธิษฐานต่อพระองค์ให้มากขึ้นเล่า?  เจ้าไม่รู้หรือว่าหลังจากเทศกาลเพ็นเทคอสต์ องค์พระเยซูคริสต์เจ้าทรงมีพระบัญชาอีกข้อหนึ่งบนแผ่นดินโลก?  เจ้ารู้แค่ข้อเท็จจริงเท่านั้นว่าองค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ ได้เสด็จมายังแผ่นดินโลก และทรงถูกตอกตรึงกับกางเขน  เจ้าไม่เคยตระหนักเลยหรือว่า เป็นเวลานานแล้วตั้งแต่ที่พระเยซูผู้ที่เจ้าเชื่อมาก่อนได้ทรงมอบความไว้วางใจในพระราชกิจของพระองค์ไว้กับใครบางคนแล้ว และนั่นก็ได้เสร็จสิ้นไปนานแล้ว ดังนั้นพระวิญญาณขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้เสด็จมายังแผ่นดินโลกอีกครั้งหนึ่งในรูปสัณฐานที่เป็นเนื้อหนังเพื่อทรงปฏิบัติพระราชกิจอีกส่วนหนึ่งของพระองค์  เราขอแทรกบางสิ่งไว้ ณ ที่นี้ว่า—ทั้งที่ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า ณ ปัจจุบันพวกเจ้ากำลังอยู่ในกระแสนี้ เรากล้าพูดได้ว่ามีไม่กี่คนในหมู่พวกเจ้าที่เชื่อว่าบุคคลผู้นี้คือองค์หนึ่งเดียวที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้ประทานให้แก่พวกเจ้า  พวกเจ้ารู้จักแต่การชื่นชมพระองค์เท่านั้น พวกเจ้าหาได้รับรู้ไม่ว่าพระวิญญาณของพระเจ้าได้เสด็จมายังแผ่นดินโลกอีกครั้งหนึ่ง และพวกเจ้าไม่รับรู้ว่าพระเจ้าแห่งวันนี้คือองค์พระเยซูคริสต์แห่งหลายพันปีในอดีต  และดังนั้นเอง เราจึงพูดว่าพวกเจ้าทั้งหมดกำลังหลับตาเดิน—พวกเจ้าแค่ยอมรับจุดใดก็ได้ที่พวกเจ้าลงเอย—และพวกเจ้าไม่จริงจังเลยสักนิดเกี่ยวกับการนี้  ด้วยเหตุนี้ พวกเจ้าจึงเชื่อในพระเยซูด้วยวาจา แต่กล้าที่จะต้านทานองค์หนึ่งเดียวที่พระเจ้าทรงเป็นพยานให้ในวันนี้อย่างก๋ากั่น  เจ้าไม่ได้โง่เขลาหรอกหรือนี่?  พระเจ้าแห่งวันนี้ไม่ใส่พระทัยเกี่ยวกับความผิดพลาดของเจ้า พระองค์ไม่ทรงกล่าวโทษเจ้า  เจ้าพูดว่าเจ้าเชื่อในพระเยซู ดังนั้นแล้วองค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเจ้าอาจไม่ทรงเอาผิดเจ้าหรือไม่?  เจ้าคิดว่าพระเจ้าทรงเป็นที่ให้เจ้าระบายอารมณ์ให้เจ้าพูดโกหกและหลอกลวงอย่างนั้นหรือ?  เมื่อองค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเจ้าทรงเปิดเผยพระองค์เองอีกครั้งหนึ่ง พระองค์จะทรงกำหนดว่าเจ้าเป็นคนชอบธรรมหรือเจ้าเป็นคนชั่วบนพื้นฐานของวิธีที่เจ้าประพฤติตนตอนนี้  ผู้คนส่วนมากลงเอยด้วยมโนคติอันหลงผิดเกี่ยวกับสิ่งที่เราอ้างอิงว่าเป็น “พี่น้องชายหญิงของเรา” และเชื่อว่าวิถีทางแห่งการทรงพระราชกิจของพระเจ้าจะเปลี่ยน  ผู้คนเช่นนี้มิได้กำลังล้อเล่นกับความตายหรอกหรือ?  พระเจ้าทรงสามารถเป็นพยานให้ซาตานว่าเป็นพระเจ้าพระองค์เองได้หรือ?  ในการนี้เจ้ามิได้กำลังกล่าวโทษพระเจ้าหรอกหรือ?  เจ้าเชื่อว่าใครก็ได้สามารถกลายเป็นพระเจ้าพระองค์เองได้อย่างนั้นหรือ?  หากเจ้ารู้จริง เช่นนั้นแล้ว เจ้าก็คงจะไม่มีมโนคติอันหลงผิดใดๆ  ในพระคัมภีร์มีบทตอนต่อไปนี้คือ ทุกสรรพสิ่งเป็นอยู่เพื่อพระองค์และทุกสรรพสิ่งมาจากพระองค์ พระองค์จะทรงนำบุตรมากหลายมาสู่พระสิริและพระองค์ทรงเป็นองค์ผู้นำทัพของพวกเรา… ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงมิทรงอับอายเลยในการเรียกพวกเราว่าพี่น้อง  เจ้าอาจมีความสามารถที่จะท่องจำถ้อยคำเหล่านี้ได้จนขึ้นใจอย่างง่ายดาย แต่เจ้าไม่เข้าใจหรอกว่า อันที่จริงแล้วมันหมายถึงอะไร  เจ้าไม่ได้กำลังหลับตาเชื่อในพระเจ้าอยู่หรอกหรือ?

เราเชื่อว่าคนรุ่นของพวกเราได้รับการอวยพรให้มีความสามารถที่จะรับช่วงเอาเส้นทางที่บรรดาคนรุ่นก่อนนี้ยังดำเนินไปไม่แล้วเสร็จมาเดินต่อ และสามารถมองเห็นการปรากฏอีกครั้งของพระเจ้าแห่งช่วงเวลาหลายพันปีในอดีต—พระเจ้าพระองค์หนึ่งซึ่งอยู่ในหมู่พวกเรา และทรงไพบูลย์ในทุกสรรพสิ่ง  เจ้ามิอาจเคยจินตนาการได้เลยว่าเจ้าจะมาเดินเส้นทางนี้—นี่คือบางสิ่งที่เจ้าสามารถทำได้อย่างนั้นหรือ?  เส้นทางนี้ได้รับการทรงนำโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์โดยตรง เส้นทางนี้ได้รับการทรงนำโดยพระวิญญาณซึ่งทรงแกร่งกล้าขึ้นเป็นเจ็ดเท่าขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า และนี่คือเส้นทางที่พระเจ้าได้ทรงเปิดออกสำหรับเจ้าในวันนี้  แม้กระทั่งในความฝันอันพิสดารสุดขั้วของเจ้า เจ้าก็ไม่สามารถจินตนาการได้ว่าพระเยซูแห่งหลายพันปีในอดีตจะทรงปรากฏอีกครั้งหนึ่งต่อหน้าเจ้า  เจ้าไม่รู้สึกปลาบปลื้มหรอกหรือ?  ใครเล่าจะสามารถมาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าได้? เราอธิษฐานให้กับกลุ่มของพวกเราอยู่บ่อยครั้งเพื่อให้ได้รับพระพรยิ่งใหญ่ขึ้นจากพระเจ้า ให้พวกเราเป็นที่โปรดปรานโดยพระเจ้าและได้รับการรับไว้โดยพระองค์ แต่มีหลายครั้งหลายคราจนนับไม่ถ้วนเช่นกันที่เราได้หลั่งน้ำตาอันขมขื่นเพื่อพวกเรา ขอให้พระเจ้าทรงให้ความรู้แจ้งแก่พวกเรา เพื่อที่พวกเราจะได้มองเห็นวิวรณ์ที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น เมื่อเราเห็นผู้คนที่พยายามข้องเกี่ยวกับพระเจ้าอย่างสุกเอาเผากินอยู่เป็นนิจ และไม่เคยทะเยอทะยานในเรื่องใดเลย หรือไม่ก็เป็นผู้ที่ฝักใฝ่ต่อเนื้อหนัง หรือเพียรพยายามเพื่อประโยชน์และความมีหน้ามีตาเพื่อที่จะทำให้พวกเขาเองเป็นศูนย์กลางความสนใจ เราจะไม่รู้สึกเจ็บปวดอย่างมากในหัวใจของเราได้อย่างไรเล่า? ผู้คนสามารถขาดสติมากมายขนาดนี้ได้อย่างไรกัน? งานของเราไม่ได้ส่งผลอะไรเลยจริง หรือ? หากลูกหลานของเจ้าเป็นกบฏและอกตัญญูต่อเจ้า หากพวกเขาขาดมโนธรรม หากพวกเขาเอาใจใส่แต่ตัวพวกเขาเองเท่านั้นและไม่เคยคำนึงถึงความรู้สึกของเจ้าเลย และพวกเขาไล่เจ้าออกจากบ้านหลังจากที่พวกเขาเติบใหญ่ เจ้าจะรู้สึกอย่างไรเมื่อถึงจุดนั้น? จะไม่มีน้ำตาไหลอาบแก้มของเจ้าเป็นสายเลยหรือในขณะที่เจ้าจดจำได้ถึงหยดเลือด หยาดเหงื่อและการอุทิศทุ่มเทที่เจ้าเสียไปในการเลี้ยงดูพวกเขาเลยหรือ? ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้อธิษฐานนับครั้งไม่ถ้วนต่อพระเจ้าและกล่าวว่า “ข้าแต่พระเจ้าผู้เป็นที่รัก! มีแต่พระองค์ผู้เดียวเท่านั้นที่ทรงทราบว่าข้าพระองค์แบกภาระให้กับพระราชกิจของพระองค์หรือไม่ เมื่อใดที่การกระทำของข้าพระองค์ไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของพระองค์ พระองค์ทรงบ่มวินัยข้าพระองค์ ทรงทำให้ข้าพระองค์มีความเพียบพร้อม และทำให้ข้าพระองค์ตระหนักรู้ คำร้องขอเดียวของข้าพระองค์ที่มีต่อพระองค์คือ ขอให้พระองค์ทรงขับเคลื่อนผู้คนเหล่านี้มากยิ่งขึ้น เพื่อที่พระองค์อาจจะได้รับพระสิริในไม่ช้านี้ และเพื่อพวกเขาอาจได้รับการรับไว้โดยพระองค์ เพื่อที่พระราชกิจของพระองค์อาจทำได้ตามเจตนารมณ์ของพระองค์ และเพื่อที่แผนการของพระองค์อาจเสร็จสิ้นเร็วขึ้นกว่าเดิม” พระเจ้าไม่ทรงต้องประสงค์ที่จะพิชิตผู้คนผ่านทางการตีสอน พระองค์ไม่ทรงต้องประสงค์ที่จะนำทางผู้คนโดยการจูงจมูก พระองค์ทรงต้องประสงค์ให้ผู้คนนบนอบพระวจนะของพระองค์และปฏิบัติงานด้วยวิธีนิยมแบบบ่มวินัย และสนองเจตนารมณ์ของพระองค์โดยผ่านการนี้ แต่ผู้คนไม่มีความละอายและเป็นกบฏต่อพระองค์อยู่เนืองนิตย์ เราเชื่อว่ามันคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพวกเราที่จะพบวิธีที่เรียบง่ายที่สุดในการทำให้พระองค์สมดังพระทัย นั่นคือ การนบนอบการจัดการเตรียมการทุกอย่างของพระองค์ หากเจ้าสามารถสัมฤทธิ์ในการนี้ได้อย่างแท้จริง เจ้าก็จะได้รับการทำให้มีความเพียบพร้อม นี่ไม่ใช่สิ่งที่ง่ายดายและน่าชื่นบานหรอกหรือ? จงเดินไปบนเส้นทางที่เจ้าควรเดิน อย่าใส่ใจต่อสิ่งที่ผู้อื่นกล่าว และอย่าคิดมากจนเกินไป อนาคตของเจ้าและชะตากรรมของเจ้าอยู่ในมือของเจ้าเองมิใช่หรือ? เจ้าพยายามที่จะหลีกหนีเสมอ โดยปรารถนาที่จะเดินบนเส้นทางทางโลก—แต่เหตุใดเจ้าจึงไม่สามารถหนีออกไปได้เล่า? เหตุใดเล่าเจ้าจึงหวั่นไหวอยู่ที่ตรงทางแยกมาเป็นเวลาหลายปี และแล้วก็ลงเอยด้วยการเลือกเส้นทางนี้อีกครั้ง? หลังจากที่พเนจรมาเป็นเวลาหลายปี เหตุใดเจ้าจึงได้กลับคืนสู่บ้านหลังนี้ในตอนนี้ทั้งที่ตัวเจ้าเองไม่อยากทำ? นี่ขึ้นอยู่กับเจ้าหรือไม่? สำหรับพวกเจ้าเหล่านั้นที่อยู่ในกระแสนี้ หากเจ้าไม่เชื่อเรา เช่นนั้นแล้วก็จงฟังสิ่งนี้ กล่าวคือ หากเจ้าวางแผนที่จะจากไป มาดูกันว่าพระเจ้าจะทรงปล่อยให้เจ้าไปหรือไม่ ดูกันว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงขับเคลื่อนเจ้าอย่างไร—จงรับประสบการณ์ด้วยตัวเจ้าเอง กล่าวตามตรงว่า ต่อให้เจ้าทนทุกข์กับความโชคร้าย เจ้าก็ต้องทนทุกข์ในกระแสนี้ และหากมีความทุกข์ใด เจ้าก็ต้องทนทุกข์ ณ ที่นี่ ในวันนี้ เจ้าไม่สามารถไปที่อื่นได้ นี่ชัดเจนต่อเจ้าหรือไม่? เจ้าน่าจะไปที่ใดกันเล่า? นี่คือกฎการปกครองของพระเจ้า เจ้าคิดว่าการเลือกสรรของพระเจ้าต่อผู้คนกลุ่มนี้ไม่มีความหมายใดเลยหรือ? ในพระราชกิจของพระองค์วันนี้ พระเจ้าไม่ทรงกริ้วมากขึ้นอย่างง่ายดาย—แต่หากผู้คนพยายามทำให้แผนการของพระองค์หยุดชะงัก พระพักตร์ของพระองค์จะทรงเปลี่ยนไปในทันใด เปลี่ยนจากสว่างไสวเป็นหม่นครึ้ม ดังนั้น เราแนะนำให้เจ้าลงหลักปักฐานและให้พระเจ้าทรงจัดวางเรียบเรียงเจ้า และปล่อยให้พระองค์ทรงทำให้เจ้าครบบริบูรณ์ ผู้คนที่ทำเช่นนี้เท่านั้นจึงมีความเฉลียวฉลาด

ก่อนหน้า:  เส้นทาง… (6)

ถัดไป:  เส้นทาง… (8)

การทรงปรากฏและพระราชกิจของพระเจ้า ว่าด้วยการรู้จักพระเจ้า บทเสวนาโดยพระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย การเปิดโปงพวกศัตรูของพระคริสต์ หน้าที่รับผิดชอบของผู้นำและคนทำงาน ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง ว่าด้วยการไล่ตามเสาะหาความจริง การพิพากษาเริ่มต้นที่พระนิเวศของพระเจ้า แก่นพระวจนะจากพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระคริสต์แห่งยุคสุดท้าย พระวจนะของพระเจ้าประจำวัน ความเป็นจริงความจริงที่ผู้เชื่อในพระเจ้าต้องเข้าสู่ ติดตามพระเมษโปดกและขับร้องบทเพลงใหม่ๆ แกะของพระเจ้าได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า แนวทางสำหรับการเผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งราชอาณาจักร คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 1) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 2) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 3) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 4) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 5) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 6) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 7) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 8) คำพยานจากประสบการณ์หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระคริสต์ (เล่มที่ 9) วิธีที่ข้าพเจ้าได้หันกลับไปสู่พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์

การตั้งค่า

  • ข้อความ
  • ธีม

สีเข้ม

ธีม

แบบอักษร

ขนาดตัวอักษร

ระยะห่างบรรทัด

ระยะห่างบรรทัด

ความกว้างของหน้า

เนื้อหา

ค้นหา

  • ค้นหาข้อความนี้
  • ค้นหาในหนังสือนี้

Connect with us on Messenger